13 ข้อควรระวัง ต้องรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์
หลายคนที่กำลังจะตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ คงมีคำถามและข้อสงสัยมากมายว่า โบท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไร โบท็อกซ์กี่วันถึงเห็นผล แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร โบท็อกซ์ของแท้ดูอย่างไร การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ต้องทำอย่างไรบ้าง รวมไปถึงข้อควรระวัง ความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ฯลฯ หากคุณกำลังกังวลใจกับเรื่องเหล่านี้ วันนี้เราจะพามาเจาะลึกทุกอย่างเกี่ยวกับโบท็อกซ์ ที่นี่ที่เดียว! อยากสวยแต่ไม่อยากพลาด ต้องอ่าน!!
- โบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? บางอย่างคุณอาจไม่รู้มาก่อน
- ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันถึงจะเห็นผล ?
- ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- โบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
- เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดโบท็อกซ์
- ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ 3 สเต็ปสู่ความสวย
- ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ ให้ความสวยอยู่กับเราไปนานๆ
- อันตรายและผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์
- ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์
- โบท็อกซ์ Face lift VS HIFU
- โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์
- เช็คก่อนสวย เช็คโบท็อกซ์ของแท้ต้องดูอะไรบ้าง ?
- ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ?! 4 เทคนิคเลือกคลินิกฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? บางอย่างคุณอาจไม่รู้มาก่อน
โบท็อกซ์ Botulinum toxin A มีคุณสมบัติมากมาย ดังนี้
- ลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง
- ลดขนาดกรามให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น
- ลดขนาดน่องให้ขาเรียวยาวสวย
- ลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลงเห็นสันแกนจมูกชัดเจนขึ้น
- คลายขนาดกล้ามเนื้อที่หดตัวให้เรียบตึงขึ้น
- รอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ มือ ที่เหี่ยวย่น โบท็อกซ์ช่วยให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนและดูเด็กขึ้น
- ลิฟท์กรอบหน้า
- ยกกระชับใบหน้า ไม่ให้หย่อนคล้อย
- ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น
- ฉีดใต้วงแขน รักแร้
- ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง
- ระงับกลิ่นกายได้อีกด้วย
- รักษาโรคไมเกรนเรื้อรัง
- ระงับอาการปวดให้น้อยลง
- ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย
- รักษาอาการตากระตุก
- ทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วขณะ ช่วยลดอาการตากระตุกได้
ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันถึงจะเห็นผล ?
- โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 2 สัปดาห์ โดยหลังฉีดไป 3 วันจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
- โบท็อกซ์ ลดกราม ลดน่อง จะเห็นผลลัพธ์ที่ 1 เดือน โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่ 2 ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
- โบท็อกซ์รักแร้ ลดกลิ่นกาย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 1 เดือน
ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ซึ่งปกติแล้วโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า เพราะร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง
- ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่ในการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
หลายคนจะมีความกังวลใจว่าเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะโบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ฉีดไปทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อจึงเล็กลง เมื่อหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานเพิ่มขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อยๆเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานมากก็มีโอกาสสูงที่มัดกล้ามเนื้อจะมีขนาดกลับมาเท่าเดิม


โบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
ปัจจุบันโบท็อกซ์มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต เช่น ประเทศเกาหลี ประเทศเยอรมัน ประเทศอังกฤษ เป็นต้น รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและระยะเวลาในการออกฤทธิ์อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ โบท็อกซ์ยอดนิยมที่หลายคนเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่รู้ถึงความแตกต่างในแต่ละยี่ห้อกันค่ะ
- BOTULAX เป็นโบท็อกซ์อีกยี่ห้อที่ราคาไม่สูงและมีคุณภาพ จึงเป็นที่นิยมกันในวงการโบท็อกซ์เป็นอย่างมาก ส่งตรงจากประเทศเกาหลี มีฤทธิ์อยู่ได้ 3-4 เดือน ตัวยามีส่วนประกอบของโปรตีนมาก ทำให้ความบริสุทธ์น้อย ตัวยากระจายตัวกว้าง จึงอาจทำให้เกิดการไหลของโบท็อกซ์ได้ค่ะ แต่ก่อนที่จะฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ต้องตรวจสอบกันให้ดีก่อนนะคะ เพราะตัวยา Botulax มีของปลอมและของหิ้วระบาดอยู่เต็มไปหมด ซึ่งการตรวจสอบอาจเป็นเรื่องยากสำหรับลูกค้ามือใหม่ ดังนั้นจึงควรให้คุณหมอสอนวิธีเช็คโบท็อกซ์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจฉีดนะคะ
- NEURONOX เป็นโบท็อกซ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ตัวยามีความบริสุทธิ์มากกว่ายี่ห้อ BOTULAX มีฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน ตัวยามีคุณภาพค่อนข้างสูง เนื่องจาก Neuronox และ Allergan มาจากบริษัทเดียวกัน เพียงแต่ฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศเกาหลี ตัวยาจึงมีคุณภาพใกล้เคียงกับ Allergan ในเรื่องของความอ่อนโยนและความบริสุทธิ์ หลังฉีดไปใบหน้าไม่แข็งตึงเหมือนหุ่นยนต์ สวยเป็นธรรมชาติค่ะ
- ALLERGAN เป็นต้นแบบของโบท็อกซ์ทุกชนิด เป็นโบท็อกซ์ที่เห็นผลนานที่สุด มีฤทธิ์อยู่ได้นานที่สุดประมาณ 8 เดือน – 1ปี เป็นที่หนึ่งด้านความบริสุทธิ์และอ่อนโยนมากที่สุด เนื่องจากมีโปรตีนน้อยที่สุด การกระจายตัวอย่างแม่นยำทำให้เกิดการไหลตัวของโบท็อกซ์น้อย หลังฉีดหน้าเรียวสวยเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง ด้วยตัวยาที่นำเข้าส่งตรงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังฉีดได้เลย เพราะอาการดื้อยาตัวนี้แทบไม่มีเลย
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดโบท็อกซ์
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ฉีดทราบถึงปัญหาที่กังวลและสิ่งที่ต้องการในแต่ละส่วนอย่างชัดเจนก่อนฉีด เนื่องจากความต้องการที่ต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เช่น บางท่านชอบให้ตึงมากๆ แต่บางท่านอาจชอบให้ดูเป็นธรรมชาติ แตกต่างกันไป
- หากเป็นไปได้ในวันฉีดควรล้างเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดใบหน้าก่อนพบแพทย์
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ 3 สเต็ปสู่ความสวย
- คุณหมอประเมินปัญหาพร้อมกับประเมินจำนวนยูนิตที่ต้องใช้ และกำหนดจุดที่จะฉีดโบท็อกซ์
- ทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยและประคบน้ำแข็งบริเวณที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์
- คุณหมอทำการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ไขปัญหาของคนไข้อย่างเบามือ



ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ ให้ความสวยอยู่กับเราไปนานๆ
- หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
- งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเกิดอาการ fushing เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ออกกำลังกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
- กรณีฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม หลังฉีดให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยการสลับซ้ายขวา เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น
- หลังฉีดโบท็อกซ์ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยจะมีรอยแดงจากเข็มและรอยนูนจากการฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์ แต่สามารถทาครีมไม่ตามปกติ
อันตรายและผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์
ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างให้แก่ร่างกายของเรา แต่การฉีดโบท็อกซ์นั้นก็มีความเสี่ยงต่างๆที่จะตามมา จะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ดังนี้
- ติดเชื้อ เกิดจากการเลือกคลินิกที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด รวมไปถึงเกิดจากหมอที่ฉีดไม่ใช่หมอจริงๆ ที่เคยได้ยินว่า หมอกระเป๋า นั่นเอง เพราะผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์จะไม่รู้จัก Sterile technique (เทคนิคการทำให้ปราศจากเชื้อโรค) ซึ่งเป็นเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากการทำหัตถการทุกชนิด
- ตาตก จะพบได้ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและตกลงมาได้ หากฉีดไม่ถูกวิธีและใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย
- มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด จะพบได้จากการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการกระจายตัวไปผิดจุดของโบท็อกซ์ จะเกิดได้ทั้งการยิ้มไม่ขึ้น แสดงสีหน้าได้ไม่ปกติ หรือเรียกกันว่า หน้าแข็ง นั่นเอง
โดยสาเหตุหลักการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์ดังกล่าวมานี้ เกิดได้ด้วยกันหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
- ความไม่ชำนาญของแพทย์ หากไม่ใช่แพทย์จริงๆ หรือเป็นหมอกระเป๋า อาจเกิดความผิดพลาดในตำแหน่งที่ฉีดมีความคลาดเคลื่อนขึ้นได้
- คุณภาพของโบท็อกซ์ หากเป็นโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. ไม่ใช่ยาหิ้ว หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าโบท็อกซ์ของปลอม
- ปริมาณในการฉีด หรือเรียกว่ายูนิต ซึ่งการฉีดในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแข็งตึง จนไม่สามารถแสดงสีหน้าความรู้สึกได้ เช่น ยิ้มไม่สุด ไม่สามารถยกปากบนได้ ไม่สามารถยกคิ้วได้
- การไหลของโบท็อกซ์ เกิดได้จากการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ของคนไข้ เช่น การนอนราบหลังฉีดโบท็อกซ์ทันที ก็จะทำให้ตัวยากระจายไปในส่วนที่เราไม่ต้องการ จนเกิดผลข้างเคียงต่างๆตามมานั่นเอง นอกจากนี้ความบริสุทธิ์ของโบท็อกซ์ ก็จะส่งผลให้เกิดการไหลของตัวยาได้เช่นเดียวกัน ยิ่งตัวยาที่มีความบริสุทธิ์มาก ความเสี่ยงในการไหลก็จะลดลงด้วย
ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำสวยได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งบุคคลไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก
โบท็อกซ์ Face lift VS HIFU
หลายคนคงกำลังลังเลใจว่าจะเลือกทำ HIFU หรือจะฉีดโบท็อกซ์ Face lift ดี เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้มีฤทธิ์ในการยกกระชับเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ของทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน จะต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน มาทำความเข้าใจพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
- การยกกระชับ HIFU ลงลึกกว่าโบท็อกซ์ Face lift จึงทำให้มีแรงดึงใบหน้าที่มากกว่า
- HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง พลังงานลงลึกถึงใต้ผิวหนังถึงชั้น SMAS ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างล้ำลึก ทำให้มีแรงดึงได้มากกว่าการฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า ซึ่งจะช่วยยกหน้าแค่เพียงชั้นผิวตื้นๆเท่านั้น
- HIFU กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน HIFU ในขณะที่โบท็อกซ์ทำให้ผิวชั้นบนตึงขึ้น
- เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานไปใต้ผิวหนังจึงจะช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งและแน่นฟูขึ้น และ HIFU สามารถยิงลงบนผิวหนังได้ทั่วใบหน้า ซึ่งโบท็อกซ์จะไม่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำได้เพียงบริเวณกรอบหน้า
- ผลลัพธ์ มีความแตกต่างกัน
- HIFU จะสามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล โดยสามารถทำซ้ำได้หากมีความหย่อนคล้อยสูง ส่วนผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ Face lift อยู่ได้สั้นกว่า HIFU เพราะโบท็อกซ์ Face lift ทำงานในชั้นที่ตื้นกว่า
- ค่าใช้จ่าย การฉีดโบท็อกซ์เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการทำ HIFU จึงทำให้การฉีดโบท็อกซ์เป็นที่นิยมมากว่านั่นเอง
โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์
ทั้ง 2 สิ่งนี้อยู่คู่กับสาวๆมานาน แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจในความแตกต่างของ โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันค่ะ
- ผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ของ โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ มีความแตกต่างกัน อย่างที่กล่าวมาคือโบท็อกซ์จะช่วยในการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดย่น ให้กลับมาเรียบเนียนตึงได้อีกครั้ง โบท็อกซ์จึงเปรียบเสมือนเตารีด ส่วนการฉีดฟิลเลอร์เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน และเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปให้ดูสมส่วนและมีมิติยิ่งขึ้น
- ตำแหน่งที่ฉีด โบท็อกซ์และฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายจุด ดังนี้
ตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์
- ลดกราม
- ลิฟท์กรอบหน้า
- ลดน่อง
- ลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ มือที่เหี่ยว
- บริเวณใต้วงแขนเพื่อลดกลิ่นกาย
ตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์
- ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาลึก ช่วยให้ดูตื้นขึ้น ดวงตาสดใส ไม่หมองคล้ำ
- ขมับ เติมเต็มขมับตอบให้อิ่มเต็มยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้าไม่โทรมและดูเด็กขึ้น
- ร่องแก้ม ช่วยให้ร่องแก้มลึกดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
- แก้มส้ม ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าเอิบอิ่ม อ่อนเยาว์ ใบหน้าหวานละมุน และมีมิติขึ้น
- คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม เมื่อฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มให้คางได้รูปสวยงาม
- จุดสุดท้ายที่เป็นที่นิยมสุดๆก็คือ ปาก เพราะจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มน่าจุ๊บยิ่งขึ้น
เช็คก่อนสวย เช็คโบท็อกซ์ของแท้ต้องดูอะไรบ้าง
หลายคนที่คิดจะทำสวยด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ก็คงมีเรื่องหนักใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับโบท็อกซ์ที่เราจะฉีดไป เป็นของแท้ ผ่าน อย. มีคุณภาพจริงหรือเปล่า เนื่องจากช่วงนี้มีโบท็อกซ์ระบาดเยอะมากจนน่ากังวลใจ เราจะเจอของแท้ปลอดภัยสบายใจหรือจะเจอโบท็อกซ์ปลอมเสี่ยงหน้าพังก่อนสวยกันแน่ วันนี้เรามีเทคนิคเช็คโบท็อกซ์ Neuronox ของแท้ต้องดูอะไรบ้าง ? จาก คุณหมอกุ๊ก พญ.ชฎาภัณฑ์ มารัตนะ แพทย์ด้านการปรับรูปหน้าและดูแลผิวพรรณจาก Sowon Clinic มาฝากกันค่ะ
- หน้ากล่องเขียนคำว่า Neuronox ภาษาอังกฤษ
- ด้านข้างกล่องมีตัวหนังสือสีแดงเขียนว่า ยาควบคุมพิเศษ
- อีกข้างจะมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม เขียนว่า Medytox เขียนบริษัทนำเข้า ชื่อว่า บริษัท เมดิเซเลส จำกัด
- ภายในกล่องมีฉลากเอกสารกำกับยาเป็นภาษาไทย เนื่องจากอย. ไทยเป็นผู้บรรจุ
- ก้นกล่องมีเลขล็อต วันที่ผลิตและวันหมดอายุ และดูที่ข้างขวดโดยเลขทั้งหมดต้องตรงกัน
ก่อนที่คิดจะทำสวยด้วยการฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้งต้องศึกษาให้ดี ว่าคลินิก คุณหมอและตัวยาที่เราจะฉีดนั้นเป็นของแท้ ผ่านอย. หรือไม่ ด้วยวิธีการเช็คโบท็อกซ์ง่ายๆที่คุณหมอกุ๊กได้สอนให้สาวๆ ทราบในวันนี้ค่ะ ไม่อยากพังก่อนสวย ก็อย่าลืมเช็คกันให้ดีนะคะ
ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ?! 4 เทคนิคเลือกคลินิกฉีดโบท็อกซ์
คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า ถ้าอยากฉีดโบท็อกซ์สักครั้ง เลือกที่ไหนดี ผลถึงออกมาปัง ถ้าคุณกำลังสงสัยอยู่ละก็ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ เผื่อใครที่สนใจ กำลังมองหาคลินิกที่จะไปปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็อยากสวย แต่ต้องสวยอย่างฉลาด และปลอดภัยด้วยนะคะ
- คลินิกมีความน่าเชื่อถือ
คลินิกต้องมีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักประกอบกิจการ ซึ่งใบนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณด้านหน้าคลินิกเลย ถ้าไม่มีใบนี้ อย่าเพิ่งคิดจะไปทำเด็ดขาด เพราะอาจเป็นคลินิกเถื่อนก็ได้ ซึ่งเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าคลินิกเอาสารอะไรมาฉีดเข้าร่างกาย ในอนาคตอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะคะ ซึ่งก็จะมีข่าวให้เห็นกันบ่อยๆ ระวังกันด้วยนะคะ
- คุณหมอที่ฉีดเป็นคุณหมอด้านการปรับรูปหน้า
นอกจากดูคลินิกที่จะฉีดแล้ว ต้องดูคุณหมอที่จะฉีดให้เราด้วย จบแพทย์จริงหรือเราโดนหลอก ทางที่ดีแพทย์ที่จะฉีดให้เราควรจบแพทยศาสตร์บัณฑิตโดยและเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามานาน สามารถตรวจสอบว่าคุณหมอเป็นแพทย์จริงๆหรือเป็นหมอกระเป๋า ได้ที่ Link : https://www.tmc.or.th/check_md/
ถ้าไม่มีรายชื่อในเว็บแพทยสภาก็อย่าไปเลย หรือใครกำลังอยากสวยด้วยหมอกระเป๋าเพราะเห็นราคาที่ถูกจนน่าดึงดูดแล้วล่ะก็ หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้ เพราะความปังไม่มา แต่ความพังมาเยือนแน่นอน
- โบท็อกซ์ของแท้ มีคุณภาพ ผ่านอย.
นอกจากคลินิกดี คุณหมอเก่งแล้ว คราวนี้โบท็อกซ์ที่ฉีดต้องเป็นของแท้ได้คุณภาพ แล้วเราจะรู้ความจริงข้อนี้ได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้เราอาจจะเคยได้ยินโบท็อกซ์หิ้ว โบท็อกซ์ปลอมกันเยอะมาก ถ้าอยากรู้เราควรขอคุณหมอดูกล่องและขวดที่ฉีดค่ะ
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
จะต้องมีผู้ไปใช้บริการจริง รีวิวยิ่งแน่น ยิ่งเยอะ ยิ่งดี หรืออาจเข้าไปสอบถามจากคนที่เคยไปทำมาแล้วก็ได้
Facebook : http://bit.ly/30otQTa
Inbox : http://bit.ly/2VnFCJS
Line Official : http://bit.ly/2w2xNPu (@sowonclinic)
Youtube : http://bit.ly/2HlHsae
Instagram : http://bit.ly/2LJoQ8v
Hotline : 097-207-3296 , 097-180-7020 ,
02-086-3558 , 02-082-3559