ปัจจุบันการเสริมจมูกได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับหนุ่มสาวยุคใหม่ เนื่องจากสามารถสร้างความมั่นใจและการเปลี่ยนแปลงให้แก่ใบหน้าได้อย่างชัดเจน โดยหนึ่งในวิธีที่กำลังมาแรงตอนนี้ก็คือการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
บทความนี้จึงขอพามาดูข้อดี-ข้อจำกัด รวมถึงบอกให้รู้ว่าการเสริมจมูกแบบปิดเป็นวิธีการที่เหมาะกับใครบ้าง
เสริมจมูกแบบปิดคืออะไร ?
เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) คือหนึ่งในเทคนิคการเสริมจมูกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยให้มีสันจมูกโด่งได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็นภายนอกที่เห็นได้ชัด
การผ่าตัดเป็นอย่างไร ?
- แผลผ่าตัดอยู่ภายใน : แพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ ภายในรูจมูก เพื่อสร้างช่องว่างสำหรับใส่ซิลิโคนหรือวัสดุเสริมอื่น ๆ เข้าไป
- ไม่เห็นแผลภายนอก : หลังการผ่าตัด แผลจะสมานหายภายในรูจมูก ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
- ปรับรูปทรงจมูก : แพทย์จะออกแบบและปรับรูปทรงของซิลิโคนให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อให้ได้รูปทรงจมูกที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
เสริมจมูกแบบปิดมีข้อดี-ข้อจำกัดอย่างไร ?
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
- แผลผ่าตัดน้อยและมองไม่เห็น : แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่ภายในรูจมูก ทำให้หลังการผ่าตัดไม่มีรอยให้เห็นภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องรอยแผลเป็น
- ระยะเวลาในการผ่าตัดสั้น : เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่เข้าถึงโครงสร้างจมูกผ่านทางรูจมูก ทำให้ใช้เวลาน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- พักฟื้นเร็ว : ผู้เข้ารับการผ่าตัดมักมีอาการบวมช้ำน้อยกว่า และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
- ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า : โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแบบปิดจะน้อยกว่าแบบเปิด
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบปิด
- การปรับรูปทรงจำกัด : เนื่องจากแพทย์เข้าถึงโครงสร้างจมูกได้จำกัดกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ทำให้การปรับเปลี่ยนรูปทรงจมูก เช่น การลดขนาดของสันจมูก หรือการปรับปลายจมูกให้ได้รูปทรงที่ซับซ้อน อาจทำได้ยากกว่า
- ไม่เหมาะสำหรับทุกเคส : การทำจมูกแบบ Close เหมาะสำหรับผู้ที่มีโครงสร้างจมูกใกล้เคียงกับรูปทรงที่ต้องการ และต้องการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย หากมีปัญหาโครงสร้างที่ซับซ้อน อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดแบบเปิด
เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงจมูกเพียงเล็กน้อย
- เพิ่มความโด่ง : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความโด่งให้แก่สันจมูก
- ปรับปลายจมูก : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกมน หรือต้องการปรับให้เรียวขึ้นเล็กน้อย
- เริ่มทำจมูกใหม่ : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเป็นครั้งแรก และมีโครงสร้างจมูกที่ดีอยู่แล้ว
- ผู้ที่มีโครงสร้างจมูกใกล้เคียงกับรูปทรงที่ต้องการ : หากโครงสร้างจมูกของคุณใกล้เคียงกับรูปทรงที่ต้องการอยู่แล้ว การผ่าตัดแบบปิดก็สามารถช่วยปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้
- ผู้ที่ต้องการพักฟื้นเร็ว : เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่รบกวนเนื้อเยื่อน้อยกว่า ทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นสั้นกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
เสริมจมูกแบบปิด ไม่เหมาะสำหรับใคร
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างจมูกหลายส่วน : เช่น ต้องการลดสันจมูก ปรับปลายจมูกให้พุ่ง หรือแก้ไขปัญหาจมูกเบี้ยว การผ่าตัดแบบปิดอาจไม่สามารถแก้ไขได้อย่างครอบคลุม
- ผู้ที่มีโครงสร้างจมูกที่ซับซ้อน : เช่น ผู้ที่มีจมูกสั้นมาก หรือมีปัญหาเรื่องกระดูกอ่อนจมูก การผ่าตัดแบบปิดอาจไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่มีผิวหนังบาง : ผู้ที่มีผิวหนังบาง อาจมีความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทะลุได้ง่ายกว่า
เสริมจมูกแบบปิด (Close) กับแบบเปิด (Open) ต่างกันอย่างไร ?
การเสริมจมูกแบบปิดและแบบเปิดแตกต่างกันที่วิธีการผ่าตัดและผลลัพธ์ที่ได้
การเสริมจมูกแบบปิดจะทำการผ่าตัดผ่านรูจมูกโดยไม่มีแผลภายนอก เหมาะสำหรับการปรับแต่งเล็กน้อย ในขณะที่แบบเปิดจะมีการเปิดแผลบริเวณใต้จมูก ทำให้แพทย์สามารถเข้าถึงโครงสร้างจมูกได้มากกว่า จัดทรงได้ละเอียดกว่า ไม่เสี่ยงต่อการทะลุ จึงเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งความแตกต่างนี้ส่งผลต่อระยะเวลาการพักฟื้น ค่าใช้จ่าย และความสามารถในการปรับแต่งรูปทรงจมูก
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรปฏิบัติดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ : พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพจมูก เลือกวัสดุเสริม และวางแผนการผ่าตัด รวมถึงแจ้งประวัติสุขภาพและซักถามข้อสงสัย
- ตรวจสุขภาพ : ตรวจเลือด หัวใจ และปอด เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย
- ปรับการใช้ยา : หยุดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด รวมถึงยาสมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิด ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : ลดความเสี่ยงในการผ่าตัดและช่วยให้แผลสมานตัวได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารทะเล : ป้องกันผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือดและอาการแพ้
- พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนหลับให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
วิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกแบบปิด
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังเข้ารับการผ่าตัด เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้จมูกที่สวยงามและแผลหายเร็ว
- ประคบเย็น : ประคบเย็นบริเวณจมูก 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง ในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดอาการบวมและปวด
- รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ : รับประทานยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด และยาลดบวมตามที่แพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและบรรเทาอาการไม่สบาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนหลับให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก : ไม่แตะต้องหรือเกาบริเวณจมูก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเคลื่อนของซิลิโคน
- งดออกกำลังกายหนัก : หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการหายของแผล
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : หลีกเลี่ยงนิโคตินและแอลกอฮอล์ ซึ่งรบกวนการไหลเวียนของเลือด และอาจทำให้แผลหายช้า
- ทำความสะอาดแผล : ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการทำความสะอาดแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- พบแพทย์ตามนัด : ไปตรวจตามที่แพทย์นัดหมาย เพื่อติดตามผลการผ่าตัดและรับคำแนะนำเพิ่มเติม
บอกลาหน้าเก่า สู่จมูกทรงใหม่ ที่สวยโด่งเป๊ะเข้ากับใบหน้าของคุณ ด้วยเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) ที่ SOWON Clinic ให้คุณปลื้มปริ่มกับผลลัพธ์จมูกทรงสวยที่สัดส่วนเข้ากับใบหน้า เสริมความมั่นใจภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ หากสนใจหรือต้องการสอบถามรายละเอียดบริการและโปรโมชันเพิ่มเติม ติดต่อได้เลยที่ LINE: @sowonclinic
ข้อมูลอ้างอิง
- Everything to Know About a Closed Rhinoplasty. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567. จาก https://www.healthline.com/health/cosmetic-surgery/closed-rhinoplasty.
ทีมแพทย์ศัลยกรรมจาก SOWON CLINIC เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมจมูกและทำปากกระจับ ที่มีประสบการณ์สูง มีใบรับรองประกอบวิชาชีพและ Certificate Training มาพร้อมความโดดเด่นในการสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ ด้วยเทคนิคล้ำสมัยและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ว่าจะได้รับความปลอดภัยสูงสุด พร้อมผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย การันตีด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ที่จะช่วยสร้างความพึงพอใจ และมอบความสวยงามที่ลงตัวให้แก่ทุกคน