ศัลยกรรมเสริมจมูก ทรงธรรมชาติ เข้ารับกับรูปหน้า

ศัลยกรรมเสริมจมูก สวยธรรมชาติ (RHINOPLASTY)

ศัลยกรรมเสริมจมูก คือ ผ่าตัดแต่งจมูกโดยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูก เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมสวยงามจากการเหลาซิลิโคนของคุณหมอเฉพาะทาง ซึ่งการศัลยกรรมเสริมจมูกไม่ได้เป็นเพียงการเสริมเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องการแก้ไขจมูกที่ผิดรูป หรือมีความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมถึงต้องเสริมจมูก? การเสริมจมูก เป็นวิธีที่ช่วยเสริมความมั่นใจ ให้ดูดี สวยขึ้น หล่อขึ้นได้ รวมถึงส่งผลต่อหน้าที่การงานที่ดีขึ้น หรือบางคนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้จมูกผิดรูป ก็สามารถเข้ารับการแก้ไข เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นได้

ดูรีวิวเสริมจมูก Sowon clinic ได้ที่นี่ : ⬇⬇
https://sowongroup.com/review_surgery-nose_promotion

ศัลยกรรมเสริมจมูก มีกี่แบบ

ที่คลินิกเสริมจมูก SOWON เรามีบริการทั้งหมด 2 แบบ

1. การเสริมจมูกแบบปิด เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากใช้เวลาในการทำน้อย แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก และแผลอยู่ในรูจมูกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ง่าย
2. การเสริมจมูกแบบเปิด เป็นรูปแบบที่สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียด แต่ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า และมีแผลผ่าตัดอยู่ด้านนอก เหมาะสำหรับเคสที่มีปัญหาจมูกที่ซับซ้อน หรือต้องแก้โครงสร้างจมูก

เทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY)

การเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคเสริมจมูกในรูปแบบที่มีแผลจากรอยกรีด โดยแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก รอบ ๆ จมูก และบริเวณที่จะทำการผ่าตัด รวมถึงรอยผ่าตัดในรูจมูก ซึ่งอาจเป็นแผลเพียงด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความถนัดของแพทย์แต่ละคน

ขั้นตอนการทำ

1. แพทย์จะฉีดยาชาในบริเวณผิวหนังที่จะทำการเสริมจมูก จากนั้นค่อย ๆ ทำการเลาะไปในโพรงจมูก แล้วกำหนดจุดเพื่อวางซิลิโคนลง
2. จากนั้นแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้านในโพรงจมูก (การเสริมจมูกรูปแบบนี้จะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับรูปร่าง หรือโครงสร้างของโพรงจมูกมากนัก)
3. หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการบล็อกรูปทรงจมูกด้วยเฝือกอ่อน เพื่อป้องกันการเคลื่อนของจมูก และการเบี้ยวเอียงของสันจมูก

การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับคนมีรูปทรงจมูกค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง และไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูกมาก่อน

ข้อดีและข้อจำกัดของการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด

ข้อดี

1. ราคาไม่แพง
2. ไม่มีแผลเป็นด้านนอก
3. สามารถฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
4. แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดที่ทำการผ่าตัด โดยไม่ต้องวางยาสลบ
5. เมื่อเกิดปัญหาแพทย์สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
6. ผลลัพธ์การศัลยกรรมจมูก ได้รูปทรงสวยธรรมชาติ

ข้อเสีย

1. มีโอกาสซิลิโคนทะลุ หากเสริมซิลิโคนที่โด่งเกินไป
2. หากรูปทรงจมูกเป็นทรงชมพู่ จะไม่สามารถแก้ไขได้

เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY)

เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY)

การเสริมจมูกแบบเปิด เป็นเทคนิคการศัลยกรรมที่เปิดแผลจากด้านหน้า เพื่อเข้าไปจัดการกับรูปทรงของจมูก ซึ่งวิธีการนี้คนไข้ต้องงดน้ำ งดอาหารมาอย่างน้อย 1 วัน เพื่อตรวจเลือดและ X-ray สำหรับตรวจสอบความพร้อมของปอดคนไข้ในการวางยาสลบ โดยแพทย์จะให้ยาสลบก่อนการผ่าตัดและหลังผ่าตัด รวมถึงต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 คืนก่อนกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านการผ

ข้อดีและข้อจำกัดของการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด

ข้อดี

1. เป็นรูปแบบการศัลยกรรม ที่แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างจมูกของคนไข้ได้อย่างชัดเจน จึงสามารถปรับโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากกว่าการการผ่าตัดแบบปิด
2. ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสวยงามตามความต้องการของคนไข้

ข้อจำกัด

1. มีราคาสูงกว่าการผ่าตัดแบบปิด
2. ใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าแบบปิด และเสียเลือดมากกว่า
3. ความเสี่ยงมีค่อนข้างมาก ความผิดพลาดค่อนข้างเยอะกว่า
4. หากมีปัญหาหลังทำ วิธีการแก้ไขจะยากกว่า
5. มีแผลเป็นบริเวณด้านนอกจมูก
6. การฟื้นตัวใช้เวลานานกว่า
7. มีโอกาสซิลิโคนทะลุ หากเสริมซิลิโคนที่โด่งเกินไป

การตัดปีกจมูก (ALAR REDUCTION)

ขั้นตอนการตัดปีกจมูก

แพทย์จะฉีดยาชาให้คนไข้เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำการผ่า ซึ่งเมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว จึงจะทำการผ่าตัด

หลักการผ่าตัดโดยทั่วไป แพทย์จะตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ปีกจมูกออกและจัดฐานปีกจมูก รวมทั้งกำหนดความกว้างของรูจมูกใหม่ (ในกรณีที่ปีกจมูกไม่หนามาก)

รูปแบบของการผ่าตัดปีกจมูก

การตัดปีกจมูกแบบแผลใน

การตัดปีกจมูกแบบแผลใน เป็นเทคนิคที่นิยมทำเป็นอย่างมาก โดยแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณปีกจมูก จากนั้นรอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 5 นาที แพทย์จะดำเนินการผ่าตัด ในการตัดปีกจมูกให้เล็กลง โดยเน้นความเป็นธรรมชาติ อาจมีรอยเย็บอยู่ด้านใน แต่จะไม่เกิดแผลเป็น

หลังการผ่าตัดปีกจมูก ใบหน้าโดยรวมจะดูสวยเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีกว่าการผ่าตัดแบบแผลนอก

การตัดปีกจมูกแบบแผลนอก

การตัดปีกจมูกแบบแผลนอก เป็นเทคนิคที่สามารถใช้กับจมูกบางรูปทรง เช่น จมูกชมพู่ ซึ่งอาจจะเกิดแผลเป็นได้ การผ่าตัดจากด้านนอกวิธีนี้จะใช้ช่วยลดความกว้างของปีกจมูกในกรณีที่ปีกจมูกบานออกมาก โดยในแต่ละเทคนิคของการตัดปีกจมูก แพทย์จะพิจารณาจากรูปทรงของคนไข้ด้วย

รูปทรงจมูกยอดนิยม

1. ทรงจมูกสโลป ปลายพุ่ง

ทรงสโลป ปลายพุ่ง มีลักษณะสันจมูกที่ไม่โด่งจนเกินไป และมีความยาวที่พอดี เป็นการเสริมจมูกให้ปลายพุ่งโด่งไปด้านหน้า ส่วนตรงสันจมูกจนถึงโคนจะทำให้เป็นสันคมโด่งเห็นได้ชัด หรือเป็นสโลปรับกับใบหน้าได้ดีมากขึ้น

2. ทรงจมูกหยดน้ำ 

ทรงจมูกหยดน้ำ เป็นการทำให้ปลายจมูกยาวขึ้นเป็นรูปทรงหยดน้ำ ซึ่งหากมองจากด้านข้างจะเห็นทรงจมูกได้ชัดเจน และหากมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นทรงจมูกปกติ ซึ่งทรงนี้สามารถทำร่วมกับเทคนิคปลายพุ่งได้ การทำจมูกทรงหยดน้ำจะช่วยให้หน้าดูนิ่มนวล ดูอ่อนหวานมากขึ้นได้

3.ทรงจมูกเป็นธรรมชาติ 

การเสริมจมูกให้ดูโด่งเป็นธรรมชาติ เป็นการเสริมจมูกเพียงแค่ให้ดั้งจมูกมีสันเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อรับกับโครงหน้าเดิม ซึ่งทรงจมูกเป็นธรรมชาติ แพทย์จะออกแบบทรงจมูกให้เข้ากับโครงหน้าให้เฉพาะบุคคล ดังนั้นไม่ว่ารูปหน้ามาแบบไหนก็สามารถทำได้ทั้งหมด

การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมเสริมจมูก

1. พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง
3. เตรียมสิ่งของที่จำเป็น เช่น หมอนรองคอ ทิชชูเปียก สำลีพันก้าน น้ำเกลือ ทิชชู หน้ากากอนามัย เจลประคบ น้ำเกลือไว้เช็ดแผล
4. งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนทำศัลยกรรม
5. งดรับประทานอาหารแสลงจำพวกของดอง เครื่องดื่มน้ำอัดลม อาหารทะเล
6. งดรับประทานยาลดน้ำหนัก งดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของ วิตามิน A และ E โดยอาหารเสริมประเภทนี้ให้งด 2 อาทิตย์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการเลือดหยุดไหลช้า การผ่าตัดเป็นไปค่อนข้างยาก และแผลหลังผ่าตัดเกิดการบวมมากกว่าปกติ
7. งดรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ เช่น ยากลุ่มแอสไพริน หรือ ไอบิวโพรเฟน เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็น ให้ใช้ยาพาราเซตามอลในการบรรเทาอาการปวดแทน

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก

1. ประคบด้วยเจลเย็น 4 จุด คือ

• สันจมูกด้านข้างซ้ายและขวา
• สันจมูกตรงกลางด้านบนและระหว่างคิ้ว
• โดยประคบเย็นด้วยน้ำแข็งที่เย็นจัดตำแหน่งละ 30 วินาที หรือหากว่ารู้สึกเย็นมาก ๆ ให้เปลี่ยนตำแหน่ง ควรทำวันละ 4 รอบ ได้แก่ เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน จากนั้นจึงประคบอุ่น

2. ห้ามนอนตะแคง ให้นอนหมอนล็อกคออย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันซิลิโคนเบี้ยวเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หากลืมเพียงคืนเดียวจมูกสามารถเอียงได้

3. ดูแลแผลบริเวณที่ผ่าตัดอย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน รวมถึงหลังล้างหน้า หลังอาบน้ำ หรือหลังประคบเย็น และทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยทำแผลด้วยน้ำเกลือด้วยมือที่สะอาดทุกครั้ง
4. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วยยาฆ่าเชื้อวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น และยาแก้ปวดครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร หรือเมื่อมีอาการปวด และควรทานห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน
5. งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารที่ไม่ปรุงสุก อาหารทะเล แอลกอฮอล์ อาหารเค็ม อาหารที่มีโซเดียมเยอะ เช่น มาม่า โจ๊กคัพตามร้านสะดวกซื้อ และงดสูบบุหรี่ ทั้งหมดนี้เป็นเวลา 1 เดือน ให้ทานอาหารประเภทอ่อน ๆ หากไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามแผลอาจติดเชื้อได้
6. พลาสเตอร์ที่ติดจมูกป้องกันการเบี้ยวเอียงให้ติดไว้ 5 วัน จากนั้นให้ดึงออกจากบนลงล่างอย่างช้า ๆ
7. หากเกิดปัญหาติดต่อคลินิกที่ทำทันที

ศัลยกรรมจมูกแบบไหนดี ราคาไม่แพง และปลอดภัยที่สุด

SOWON Clinic มีบริการศัลยกรรมเสริมจมูกทรงสวย ตัดปีกจมูก ราคาดี ที่ดำเนินการด้วยทีมแพทย์มากประสบการณ์ผ่าตัดไม่ต่ำกว่า 10,000 เคส มีการดูแลหลังศัลยกรรมการผ่าอย่างใกล้ชิด โดยจะเหลาซิลิโคนเคสต่อเคสให้เหมาะสำหรับรูปทรงจมูกของแต่ละคน พร้อมเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ 24 ชั่วโมง ดูแลเสมือนคนในครอบครัว มีการรับประกันหลังทำถึง 6 เดือน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :

Inbox FB. : 

Youtube : 

Line Official :(@sowonclinic)

Instagram :
Hotline : 097-207-3296 , 097-180-7020 ,
02-086-3558 , 02-082-3559

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เสริมจมูก