ฉีดโบท็อก 100 ยูนิต ฉีดจุดไหนดีถ้าไม่อยากหน้าแข็ง

นปัจจุบันการฉีดโบท็อกซ์ เป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อการปรับรูปหน้าอันดับต้น ๆ ที่กำลังแพร่หลายในวงการคลินิกเสริมความงาม เหมาะสำหรับใครที่อยากหน้าเรียว ไร้ริ้วรอย กรอบหน้าคมชัด เพื่อจบปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ แต่เมื่อได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโบท็อกซ์ปลอม และหมอกระเป๋า ออกมามากมาย และยังมีกลอุบายหลอกขายในราคาที่ถูกเกินจริง เพื่อดึงดูดลูกค้า ดังนั้นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด บทความนี้รวบรวมข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ และทุกเรื่องที่ควรต้องรู้มาบอกกัน 

ดูรีวิวโบท็อก ฟิลเลอร์ Sowon clinic ได้ที่นี่ : ⬇⬇
https://sowongroup.com/review_skin-filler-botox_promotion

โบท็อกซ์ 1 ขวดมีกี่ยูนิต ?

โบท็อกซ์ 1 ขวด ส่วนใหญ่จะมีขนาด 200 ยูนิต เเละขนาด 100 ยูนิต ในส่วนของขนาด 50 ยูนิตและ 300 ยูนิตจะมีเป็นบางยี่ห้อ โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าผู้มีปัญหาแบบใดควรฉีดโบท็อกซ์กี่ยูนิต ฉีดตรงไหนได้บ้างจึงจะเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

100 ยูนิตเท่ากับกี่ซีซี ?

เชื่อว่าหนึ่งในคำถามที่คนต้องการฉีดโบท็อกซ์อยากรู้ คือฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต เท่ากับกี่ซีซี ? ต้องบอกว่าโดยปกติเเล้วโบท็อกซ์จะมาเป็นขวดในลักษณะเเบบผงแห้ง ๆ ดังนั้นจึงเทียบเป็นซีซีไม่ได้ ถ้าหากจะนับ 100 ยูนิตเท่ากับกี่ซีซี ก็จะต้องผสมปริมาณน้ำเกลือก่อน ซึ่งโบท็อกซ์ 100 ยูนิต จะใช้น้ำเกลือ 2.6 ซีซี โบท็อกซ์ 50 ยูนิต จะใช้น้ำเกลือ 1.3 ซีซี ในขั้นตอนการผสมน้ำเกลือกับตัวยาโบท็อกซ์ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ถ้าผสมน้ำเกลือเยอะตัวยาจะถูกเจือจาง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะน้อย เเละอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ตัวยากระจายไปส่วนที่ไม่ต้องการ ทำให้หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ตาตก หมดสวยเเบบไม่ทันตั้งตัว

ทำไมก่อนฉีดโบท็อกซ์ ต้องผสมน้ำเกลือ ??

จากที่ได้กล่าวมาแล้วในเบื้องต้นว่า โบท็อกซ์ 1 ขวด จะมาในลักษณะแบบผง เราไม่สามารถนำออกมาฉีดแบบเป็นผงแห้ง ๆ ได้แน่นอน การผสมน้ำเกลือลงไปก็เพื่อจะละลายตัวยาแล้วดึงออกมาฉีดให้คนไข้

โบท็อกซ์ 100 ยูนิต เยอะไหม ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

สำหรับคนที่สงสัยว่าโบท็อกซ์ 100 ยูนิต ฉีดอะไรได้บ้าง หรือฉีดตรงไหนได้บ้าง ต้องบอกว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้น ช่วยลดริ้วรอยเเละช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก กรอบหน้าคมชัด ซึ่งเเต่ละตำแหน่งจะใช้จำนวนยูนิตของโบท็อกซ์ที่แตกต่างกัน หน้าถึงจะไม่เเข็งตึงโป๊ะ ได้ผลลัพธ์ที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ แสดงสีหน้าได้ตามปกติ โดยมีจุดฉีดโบท็อกซ์ ปรับรูปหน้าให้เป๊ะอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนี้

• กราม
• กรอบหน้า
• ริ้วรอยหน้าผาก
• ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
• ริ้วรอย ตีนกา (หางตา) 

เเต่ละจุดใช้ฉีดโบท็อกซ์กี่ยูนิตกันเเน่ ?

• กราม ควรฉีดข้างละ 30-40 ยูนิต หากมากกว่านี้อาจจะเกิดปัญหาหน้าตอบ ดูโทรม ดูแก่ โหนกแก้มสูงขึ้นอีกด้วย 
• ลิฟต์กรอบหน้า ควรฉีดประมาณ 20-30 ยูนิต 
• ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ควรฉีดไม่เกิน 12-16 ยูนิต หากมากกว่านี้อาจจะเกิดปัญหาหน้าผากเเข็งตึง ดูไม่เป็นธรรมชาติ
• ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว ควรฉีดประมาณ 12-16 ยูนิต หากมากกว่านี้กล้ามเนื้อจะขยับได้ลำบาก เเสดงสีหน้าอารมณ์ได้ยาก 
• ริ้วรอยบริเวณตีนกา ควรฉีดประมาณ 10-16 ยูนิต หากมากกว่านี้กล้ามเนื้อจะขยับได้ลำบาก หรือหน้าเเข็งตึงมากเกินไป อาจเกิดปัญหา คิ้วกระดก หรือคิ้วตก หางตาตก ได้อีกด้วย 
• ริ้วรอยบริเวณรอยย่นที่จมูก ควรฉีดประมาณ ไม่เกิน 6 ยูนิต

ฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต จะเห็นผลไหม ?

เห็นผลเเน่นอน ถ้าหากขั้นตอนการผสมน้ำเกลือถูกต้องตามปริมาณที่เหมาะสม เเละฉีดโบท็อกซ์ของเเท้ 100 % โดยเเพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปรับรูปหน้า ซึ่งโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์อยู่ที่ประมาณ 14 วัน เเละ ออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพอยู่ที่ 1 เดือน 

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโบท็อกซ์

หลายคนอาจเข้าใจว่า ถ้าฉีดโบท็อกซ์ พออายุมากขึ้นจะหน้าเหี่ยวกว่าคนปกติ ต้องบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากมีการทดลองจากฝาแฝด 2 พี่น้อง แฝด B ได้ฉีดโบท็อกซ์ตลอดระยะเวลา 19 ปี โดยฉีดบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา (หางตา) อย่างสม่ำเสมอทุก 4-6 เดือน ในขณะที่แฝด A ฉีดโบท็อกซ์เพียงเเค่ 2-4 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 19 ปี ผลการทดลองพบว่า..แฝด B มีผิวหน้าที่เต่งตึง เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย รูขุมขนกระชับ เเม้เเสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว ต่างจากแฝด A มีริ้วรอยชัดจัดเต็ม ผิวหน้าที่ร่วงโรย คุณภาพผิวไม่ดีเท่าแฝด B  โดยริ้วรอยเหี่ยวย่นนั้นเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อเเสดงสีหน้าบ่อย ๆ ทำให้เกิดเป็นร่องลึกบนผิว สรุปได้ว่า การฉีดโบท็อกซ์ หรือสาร Botullinum Toxin มีฤทธิ์ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเเละร่องลึกบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว

ทำไมฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต ทำให้หน้าเเข็ง ยิ้มยาก ?

สำหรับประเด็น อาการยิ้มเเข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด หลังฉีดโบท็อกซ์มา อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร ? ปัจจัยการเกิดปัญหาหน้าเเข็ง มีดังนี้ค่ะ

• กรณีที่คนไข้กรามใหญ่ ริ้วรอยลึก เเพทย์ที่ฉีดอาจพลาดในการใช้ปริมาณยูนิตเยอะเกินไปในเเต่ละตำแหน่ง ตัวยาจึงเเพร่กระจายกว้าง จนทำให้หน้าเเข็งตึง ไม่สามารถเเสดงสีหน้าได้ตามปกติ ซึ่งปัญหาตรงนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการค่อย ๆ ทยอย ฉีดโบท็อกซ์ เเบ่งฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 2-3 เดือน
• ฉีดผิดตำแหน่ง เรื่องนี้ให้ทุกคนเข้าใจตรงกันเลยว่า…ไม่ใช่เเพทย์ทุกคนที่จะฉีดโบท็อกซ์ได้ เพราะหากฉีดพลาดขึ้นมา หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ตาตก คิ้วกระดก หรือยิ้มลำบาก
• โบท็อกซ์ของปลอม ความไม่บริสุทธิ์ของตัวยาอาจเสี่ยงต่อการเเพ้ เเละโบท็อกซ์ของปลอมจะกระจายตัวไม่สม่ำเสมอทำให้พลาดไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่นได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ หนังตาตก ปากเบี้ยว หากใครพลาดไปฉีดที่อื่นมาเเล้วเกิดอาการหน้าเเข็งยิ้มไม่สุด วิธีรับมือเบื้องต้นให้ใช้การประคบร้อนบริเวณเเก้มอย่างสม่ำเสมอ อาการเหล่านี้จะหายในระยะเวลา 1-2 เดือน
• อาการดื้อยา ฉีดโบท็อกซ์ ปรับรูปหน้าครั้งใหม่ถึงเเม้เป็นโบท็อกซ์ของเเท้ก็จะไม่เห็นผล

ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ในแต่ละครั้งเกินกี่ยูนิต

ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์จะไม่เป็นอันตรายและสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ไม่ควรฉีดบ่อยจนเกินไป โดยไม่ควรให้ร่างกายได้รับในปริมาณเกิน 300 ยูนิตในระยะเวลา 3 เดือน ดังนั้นในการฉีดแต่ละครั้งควรเว้นช่วงการฉีดแต่ละครั้งให้นาน 3-4 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 5-6 เดือน จึงค่อยไปฉีดใหม่เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องกัน

ฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต เช็กให้ชัวร์ทุกครั้ง ?

• ฉีดโบท็อกซ์ของเเท้ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย สามารถขอแพทย์ตรวจสอบได้ กรณีถ้าเจอโบท็อกซ์ปลอม หรือโบท็อกซ์หิ้ว (ไม่ผ่าน อย.) อาจทำให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรืออักเสบติดเชื้อตามมาได้
• การฉีดโบท็อกซ์ต้องเน้นความเป็นธรรมชาติ แต่ละเคสแพทย์จะต้องวางเเผนการฉีด ซึ่งปริมาณและตำแหน่งจะแตกต่างกัน ไม่ได้ฉีดเหมือนกันทุกเคส เปรียบเทียบเหมือนเรากำลังตัดเสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีกับตัวของเราเป๊ะ ๆ
• โบท็อกซ์กราม และโบท็อกซ์ริ้วรอย สำหรับผู้หญิง แพทย์จะทำการฉีดให้ใบหน้าเรียวหน้าเล็กลง ริ้วรอยหายไป ดูเด็กขึ้น เเต่จะไม่มีปัญหา หน้าตอบ หน้าเเก่ หน้าแข็ง ดูดุ คิ้วโก่ง 
• โบท็อกซ์ลดขนาดกราม สำหรับผู้ชาย แพทย์จะฉีดให้ใบหน้าเรียว กรามเล็กลง เเต่ยังคงความคมเข้ม 
• โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า หลังฉีดเสร็จใบหน้ายกกระชับทันทีไม่ต้องรอ 3-4 วัน
• ฉีดโบท็อกซ์ต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ยาแท้ ขอตรวจสอบได้ และแพทย์ที่มีความชำนาญ มีรีวิวจากผู้ใช้จริง

ฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต ราคาเท่าไร ?

การฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต แต่ละยี่ห้อ จะมีราคาที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากความแตกต่างของความบริสุทธิ์ของตัวยา เเละระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ซึ่งโบท็อกซ์ที่นิยมใช้กันตอนนี้หลัก ๆ จะมาจากประเทศเกาหลี เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น

• Xeomin โบท็อกซ์จากประเทศเยอรมนี ที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีโปรตีนผสม ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ เห็นผลชัดเจน นั้นหมายความว่าถ้าคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ Xeomin ก็จะได้รับตัวยาโบท็อกซ์เพียว ๆ 100 % โอกาสดื้อยาน้อยที่สุด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เเข็งตึง มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 8 เดือน-1 ปี (หากเป็นเคสที่เคยดื้อยาเเล้วหยุดฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2-3 ปี แพทย์จะเเนะนำให้ลอง Xeomin)
• Allergan โบท็อกซ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก มีความบริสุทธิ์สูงเเต่ยังคงมีโปรตีนผสมอยู่เล็กน้อย โอกาสดื้อยาน้อย ผลลัพธ์เเม่นยำเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากตัว Xeomin (ซีโอมิน) มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 8 เดือน-1 ปี
• Nabota โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ราคาไม่เเรง เเถมคุณภาพก็ไม่น้อยหน้ายี่ห้ออื่น ๆ เลย มีความบริสุทธิ์สูง 98.7% เนื่องจากมีโปรตีนผสมอยู่เล็กน้อย ได้รับรองจาก อย. อเมริกา (U.S.FDA) ตัวยาออกฤทธิ์เร็ว ผลลัพธ์ไม่ทำให้ใบหน้าเเข็งตึง สามารถเเสดงสีหน้าได้อย่างปกติ มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 5-7 เดือน
• Aestox โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ตัวนี้มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 99.5% มีโปรตีนผสมอยู่ค่อนข้างเยอะกว่ายี่ห้อ Allergan , Xeomin เเต่ก็ได้รับความนิยมไม่เเพ้กัน ล่าสุดผ่านการรับรองจาก อย. ไทยเป็นที่เรียบร้อย ผลลัพธ์หลังการฉีดให้ความเป็นธรรมชาติ ละมุนไม่ต่างจากตัวอื่น ๆ เลย มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 4-6 เดือน

ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต ว่าฉีดอะไรได้บ้าง และคงรู้แล้วว่าบริเวณที่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้คือที่ใดบ้าง ซึ่งสำหรับคนที่สนใจมาเลือกใช้บริการฉีดโบท็อกซ์ ได้ที่โซวอน คลินิก ให้บริการด้วยแพทย์ชำนาญการ หากสนใจหรือต้องการสอบถามรายละเอียดบริการและโปรโมชันเพิ่มเติมได้เลยที่ LINE: @sowonclinic

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบท็อก