ยกกระชับ ผิวหน้าให้ดูย้อนวัย พร้อมเผยหน้าเนียนใสดูสุขภาพดี คือสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนาในปี 2025 และ 2026 นี้ค่ะ เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย หรือการมีเหนียงกวนใจ ก็มักจะตามมาทำให้เสียความมั่นใจ จนต้องมองหาตัวช่วยดี ๆ อย่างการ lifting หรือหัตถการงานผิวมาดูแลให้ผิวตึงขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดและถูกพูดถึงมากที่สุดตอนนี้ ต้องยกให้ “โปรแกรม Oligio” ค่ะ
แต่เอ๊ะ! ก่อนตัดสินใจทำ หลายคนอาจยังมีคำถามคาใจว่าโปรแกรมน้องใหม่อย่าง Oligio คืออะไร? ทำแล้วช่วยให้ผิวตึงกระชับ หรือช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ดีกว่าเครื่องอื่นจริงหรือเปล่า? วันนี้ Sowon Clinic จะพาทุกคนมาเจาะลึกทุกคำตอบ! ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเครื่อง Oligio ตัวช่วยกู้ผิวยอดฮิต พร้อมเผยเคล็ดลับการยกกระชับที่จะทำให้คุณสวยเป๊ะ มั่นใจได้อีกครั้งค่ะ!

ปัญหาที่ควรทำ “โปรแกรม Oligio”
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยส่องกระจกแล้วแอบถอนหายใจ เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้หน้าดูเปลี่ยนไป กรอบหน้าที่เคยชัดก็เริ่มเบลอ หรือมีเหนียงหย่อนคล้อยลงมาให้กวนใจ ยิ่งเวลาถ่ายรูปมุมเผลอ ยิ่งรู้สึกว่าหน้าบาน ขาดความมั่นใจไปเลยใช่มั้ยล่ะคะ?
โดยตัวการสำคัญที่ทำให้หน้าดูผิวหย่อนคล้อย คงหนีไม่พ้นเรื่องของอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินที่เปรียบเสมือนตาข่ายพยุงผิวเสื่อมสภาพลง ผิวที่เคยเด้งจึงเริ่มตกลงตามแรงโน้มถ่วงนั่นเองค่ะแต่ปัญหานี้จัดการได้ค่ะ! ด้วย โปรแกรม Oligio เทคโนโลยี lifting งานผิวตัวดังที่จะเข้ามาช่วยกู้คืนความอ่อนเยาว์ เน้นการ ยกกระชับผิวหน้าให้กลับมาเฟิร์ม ผิวตึง กระชับขึ้นทันตาเห็น พร้อมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ คืนความหน้าเนียน ใส ให้คุณกลับมามั่นใจกับกรอบหน้าเป๊ะได้อีกครั้งค่ะ!
โปรแกรม Oligio คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไร?
ยกกระชับหน้า ด้วยโปรแกรม Oligio เป็นนวัตกรรมการ lifting ยกกระชับผิวและจัดเรียงไขมันให้แน่น ด้วยคลื่นวิทยุความถี่ (Radio Frequency) ในรูปแบบ Monopolar RF ที่มีความถี่ 6.78 MHz สามารถส่งพลังงานความร้อนแบบเจาะจง (Deep Heating) ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งนอกจากนี้ การทำโปรแกรม Oligio ยังช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดเหนียง และกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวตึง เฟิร์มกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด กรอบหน้าชัด และปรับหน้าเนียน ใส ได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

โปรแกรม Oligio เหมาะกับใครบ้าง?
สำหรับตัวโปรแกรม Oligio เหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกเพศทุกวัย หรือเหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม ยังไม่อยากฉีดก็สามารถทำเครื่อง Oligio ได้ค่ะ
· เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
· มีริ้วรอยรอบดวงตา
· ใบหน้ามีเนื้อแก้มเยอะ มีเหนียง
· ต้องการรักษายกกระชับใบหน้าด้วยวิธีที่ไม่เจ็บ และไม่ต้องผ่าตัด
โปรแกรม Oligio ดีอย่างไร? ทำไมใคร ๆ ก็เลือกทำ
1. Anesthesia-free procedure (ไม่ต้องพึ่งยาชา)
หมดกังวลเรื่องการฉีดยาให้เจ็บตัว หรือต้องเสียเวลานอนรอแปะยาชานาน ๆ ไปได้เลยค่ะ เพราะโปรแกรม Oligio เป็นหัตถการแบบ Non-Invasive ที่มีความอ่อนโยนสูง สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องใช้ยาชาค่ะ
2. Minimize Pain (เจ็บน้อย สบายผิว)
ใครขี้กลัว หายห่วงได้เลย! เพราะตัวเครื่องมีเทคโนโลยี Intelligent Cooling System และระบบสั่น (Vibration) ที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายขณะทำ ที่สำคัญคือแทบไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถไปใช้ชีวิตต่อได้ทันที
3. Fast Treatment (รวดเร็ว ทันใจ)
ตอบโจทย์คนงานยุ่ง หรือมีเวลาน้อยสุด ๆ เพราะช่วยประหยัดเวลาในการรักษา โดยใช้เวลาทำเพียงแค่ 20 – 30 นาทีเท่านั้น ก็สามารถเดินออกจากคลินิกด้วยผิวที่เป๊ะปังได้เลย
4. Long – Lasting Effect (ผลลัพธ์อยู่นาน)
สวยคุ้มค่า เพราะหลังทำจะเกิดกระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้ผิวยกกระชับ หน้าเด็ก และล็อกผลลัพธ์ความสวยให้อยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี เลยทีเดียวค่ะ
โปรแกรม Oligio รุ่นปกติ และ Oligio X ต่างกันยังไง?
สำหรับใครที่คุ้นเคยกับโปรแกรม Oligio ในเรื่องการ lifting ยกกระชับหน้ากันมาแล้ว อาจจะเกิดคำถามว่า “ทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างกันยังไง?” แอดมินขอบอกเลยค่ะว่าความแตกต่างอยู่ที่เทคโนโลยีการส่งพลังงานที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมชั้นผิวได้มากกว่าเดิมค่ะ โดย โปรแกรม Oligio รุ่นปกติ จะเป็นการส่งพลังงานความร้อนลงไปที่ชั้นผิวระดับเดียว (Single Mode) โดยเน้นเป้าหมายหลักไปที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน เพื่อทำการสลายไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง ช่วยให้กรอบหน้าดูเล็กขึ้น และหน้าเรียวขึ้นค่ะ
ส่วน รุ่นใหม่อย่าง Oligio X จะยกระดับการรักษาด้วยเทคโนโลยี GXG Dual-Mode ที่ไม่ได้ยิงแค่ชั้นลึกเพียงอย่างเดียว แต่แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับความลึก คือ X Mode ที่ส่งพลังงานลงสู่ ผิวชั้นลึก เพื่อจัดการกับไขมันและผิวหย่อนคล้อยคล้ายรุ่นเดิม แต่เสริมด้วย G Mode ที่จะส่งพลังงานลงสู่ผิวชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดงานผิวให้หน้าเนียนและช่วยให้ผิวแน่นขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ Oligio X จึงทำได้เหนือกว่าในเรื่องของ “ความผิวแน่น” และ “เฟิร์มกระชับ” ที่ชัดเจนกว่ารุ่นปกติ เพราะมีการกระตุ้นผิวทั้งสองระดับชั้นพร้อมกัน และยังสามารถคงผลลัพธ์ความสวยได้ยาวนานขึ้น จากเดิม 6-8 เดือน ขยายเป็น 8-12 เดือน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีทั้งปัญหาไขมันสะสม มีเหนียงและผิวหย่อนคล้อยที่ต้องการการดูแลที่มากกว่าค่ะ
ทำจุดไหนได้บ้าง? และต้องใช้กี่ช็อตถึงจะเห็นผล?
สำหรับการทำ lifting ด้วยโปรแกรม Oligio นั้น จุดเด่นสำคัญคือการเป็น Customized หรือการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลค่ะ แพทย์ไม่ได้แค่ยิงให้จบ ๆ ไป แต่จะคำนวณจำนวนช็อต (Shots) ตามสภาพปัญหาผิวและความหนาแน่นของชั้นไขมันในแต่ละจุด เพื่อให้พลังงานความร้อนลงลึกได้แม่นยำที่สุด โดยแบ่งโซนการรักษาได้ดังนี้ค่ะ:
1. บริเวณทั่วใบหน้าและแก้ม (Full Face & Cheeks)
เป็นจุดยอดฮิตสำหรับคนที่มีปัญหาแก้มห้อย ผิวไม่กระชับ หรือมีร่องแก้มลึก การยิงในบริเวณนี้จะเน้นการส่งพลังงานวงกว้างเพื่อดึงผิวให้ตึงขึ้น
จำนวนช็อตที่แนะนำ: 300 – 600 Shots (ขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อย)
2. กรอบหน้าและเหนียง (Jawline & Double Chin)
บริเวณนี้มักมีไขมันสะสมหนาแน่นกว่าจุดอื่น แพทย์จะเน้นการยิงพลังงานแบบเจาะจง (Focus Mode) เพื่อสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาแนบสนิทกับกรอบหน้า
จำนวนช็อตที่แนะนำ: 600 – 1200 Shots (หรือรวมกับทั่วหน้าเป็น 600+ Shots)
3. รอบดวงตาและหน้าผาก (Eyes & Forehead)
ผิวบริเวณนี้มีความบอบบางสูง จึงต้องใช้หัวยิงขนาดเล็ก (Eye Tip) และเทคนิคการวางตำแหน่งที่ละเอียดอ่อน เพื่อช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก และลดริ้วรอยเล็ก ๆ
จำนวนช็อตที่แนะนำ: 600 Shots
*ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินใบหน้าแต่ละคน เพื่อใช้จำนวนช็อตที่เหมาะสมกับปัญหา
ผลลัพธ์อยู่ได้นานมั้ย?
นี่คือสิ่งที่หลายคนอยากรู้ที่สุดค่ะ! ต้องบอกก่อนว่าการทำ lifting ด้วยโปรแกรม Oligio ไม่ใช่แค่การยกกระชับหน้าชั่วคราว แต่เป็นการ “Re-structure” หรือปรับโครงสร้างผิวใหม่ผ่านกระบวนการทางชีวภาพที่เรียกว่า Neocollagenesis (การสร้างคอลลาเจนใหม่) ซึ่งมี Timeline การเปลี่ยนแปลงดังนี้ค่ะ:
ระยะที่ 1 (Immediate Effect): หลังทำทันที คุณจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้ายกกระชับขึ้นประมาณ 20-30% จากการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนเดิมเมื่อได้รับความร้อน
ระยะที่ 2 (Collagen Production): ช่วงเดือนที่ 1-3 ร่างกายจะเริ่มสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินชุดใหม่ขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้ผิวตึง ผิวแน่นขึ้น ฟูขึ้น และกรอบหน้าชัดเป๊ะที่สุดในช่วงนี้
ระยะยาว (Long-Term Result): ผลลัพธ์ความเป๊ะนี้จะ อยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี เลยทีเดียวค่ะ (ขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องและการดูแลตัวเอง)
ทำไมต้องทำโปรแกรมยกกระชับหน้าด้วยโปรแกรม Oligio ที่ Sowon Clinic

อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ว่า ทำไมต้องทำโปรแกรมยกกระชับหน้าด้วยโปรแกรม Oligio ที่ Sowon Clinic แล้วต่างจากที่อื่นยังไง แอดมินขอบอกเลยค่ะว่า เราใช้เทคนิคโดยทีมแพทย์ของ Sowon Clinic เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจน ปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
โดยที่ Sowon Clinic เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการ lifting ยกกระชับหน้าโดยเฉพาะ ผสานกับการดึงศักยภาพของ Oligio X ออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเทคนิค GXG Dual-Mode ซึ่งเปรียบเสมือนการทำ Dual-Mode ที่ยิงพลังงานลงลึกถึง 2 ชั้นผิว โดยใช้ X Mode ส่งพลังงานลงสู่ผิวชั้นลึกและชั้นไขมัน เพื่อจัดการปัญหาผิวหย่อนคล้อย และเสริมด้วย G Mode ส่งพลังงานลงสู่ผิวชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดให้หน้าเนียน และช่วยให้ผิวตึง ผิวแน่นขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือความ เฟิร์มกระชับที่ชัดเจนกว่ารุ่นปกติ
อีกทั้งที่ Sowon Clinic เรายังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับเคส เครื่องที่ใช้เป็นเครื่องแท้ ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก Wontech Asia และใช้จำนวน Shots จริงตามที่ประเมิน พร้อมให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงจุด เห็นการเปลี่ยนแปลงจริงทุกเคสค่ะ สุดท้ายนี้ หากใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ แล้วต้องการความเฟิร์ม แนะนำที่ Sowon Clinic เลยค่ะ
เครื่องใหม่! รีวิว Oligio โดยเคสจริง ที่ Sowon Clinic
สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผิวพรรณของ SOWON CLINIC มุ่งมั่นให้บริการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิวด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ อัลเทอร่า ร้อยไหม และ Hifu โดยทีมแพทย์ของเราได้ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง มี Certificate รับรอง และใบประกอบวิชาชีพ เน้นความปลอดภัยสูงสุดและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมมอบความมั่นใจให้ผู้รับบริการด้วยผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน

