โบท็อกซ์ คืออะไร ? โบท็อกซ์ มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร ?

โบท็อกซ์ คืออะไร ? โบท็อกซ์ มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร ? คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนที่เป็นมือใหม่ที่เข้าวงการคลีนิกต้องอยากรู้ ซึ่งบทความนี้จะไขข้อข้องใจให้ใครหลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่าน

โบท็อกซ์ คืออะไร ?

โบท็อกซ์ (Botox)

โบท็อกซ์ ทำงานยังไง?

ให้ลองนึกภาพว่าใบหน้าของเราเป็นเหมือนผ้าใบที่ถูกขึงอยู่บนโครงไม้ เมื่อเวลาผ่านไป ผ้าใบก็จะหย่อนและเกิดรอยย่น โบท็อกซ์ทำหน้าที่เหมือน “ตัวขึงผ้าใบ” โดยการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นรอยย่น มันจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว ผลก็คือ รอยย่นจะจางลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น แถมยังช่วยปรับใบหน้าให้ดูเรียวสวย

โบท็อกซ์ช่วยอะไรได้บ้าง ?

โบกราม : เป็นการลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น กรามเล็กลง รูปหน้าเปลี่ยนจากทรงสี่เหลี่ยมเป็นรูปไข่ ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนที่มีกรามใหญ่ หรือต้องการใบหน้าที่เรียวขึ้น

โบลิฟท์กรอบหน้า : จะเป็นการยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง ผลลัพธ์จะช่วยให้ใบหน้าดูยกขึ้น แก้มดูตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย จะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย หรือต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

โบริ้วรอย : ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ริ้วรอยจางลง ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยย่นที่หน้าผาก รอยตีนกา และระหว่างคิ้ว

ซึ่งสรุปง่าย ๆ ก็คือ โบกราม เน้นที่การลดขนาดกราม โบริ้วรอย เน้นที่การลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า โบลิฟท์กรอบหน้า เน้นที่การยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง

ฉีดโบท็อกซ์แต่ละตำแหน่งใช้ปริมาณเท่าไหร่ ?

การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละตำแหน่งจะใช้ปริมาณที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

ตำแหน่งที่ฉีด
วัตถุประสงค์ของการรักษา
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในบริเวณนั้น
อายุและเพศของผู้รับการรักษา

โดยทั่วไป ปริมาณที่ใช้อาจอยู่ในช่วงต่อไปนี้:

หน้าผาก : 15-20 ยูนิต
ระหว่างคิ้ว : 6-15 ยูนิต
รอบดวงตา (ตีนกา) : 15-20 ยูนิต
กราม : 25-30 ยูนิต
ลิฟท์กรอบหน้า : 3-6 ยูนิต

อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่แน่นอนควรได้รับการพิจารณาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล

โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ อะไรบ้าง ?

คุณสมบัติ	Nabota	Aestox	Allergan	Xeomin
ประเทศผู้ผลิต	เกาหลีใต้	เกาหลีใต้	สหรัฐอเมริกา	เยอรมนี
ความบริสุทธิ์	สูงมาก	สูง	สูง	สูงมาก
ออกฤทธิ์เร็ว	ใช่ (24 ชม.)	ปานกลาง	ปานกลาง	ปานกลาง
ระยะเวลาออกฤทธิ์	4-6 เดือน	3-4 เดือน	3-4 เดือน	3-4 เดือน
การละลาย	ละลายง่าย	ปานกลาง	ปานกลาง	ละลายง่าย
โอกาสแพ้	ต่ำมาก	ต่ำ	ต่ำ	ต่ำมาก
ราคา	ค่อนข้างสูง	ปานกลาง	สูง	ปานกลาง-สูง

ซึ่งโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นต่างกันไป:

นาโบตะเด่นเรื่องออกฤทธิ์เร็ว อยู่ได้นาน
Aestox เป็นทางเลือกที่ดีในราคาไม่แพงมาก
Allergan เป็นแบรนด์ดังจากอเมริกา ใช้กันมานาน
Xeomin บริสุทธิ์สูง โอกาสแพ้น้อย

ทั้งนี้ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละคน และราคาก็อาจเปลี่ยนแปลงตามคลินิกด้วย สุดท้าย อย่าลืมว่าการเลือกใช้โบท็อกซ์แบบไหนควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะเขาจะรู้ว่าอะไรเหมาะกับผิวและความต้องการของเราที่สุด

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษา
หยุดยาบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน E หรือยาแก้ปวดบางประเภท (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือทำทรีตเมนต์บริเวณที่จะฉีดในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า
ทำความสะอาดใบหน้า ไม่แต่งหน้าในวันที่ฉีด
แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือเคยมีปฏิกิริยาต่อการฉีดโบท็อกซ์มาก่อน
เตรียมคำถามหรือข้อสงสัยเพื่อสอบถามแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา

การเลือกคลินิก ฉีดโบท็อกซ์

ใบอนุญาตและการรับรอง:
- ตรวจสอบว่าคลินิกได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
- แพทย์ผู้ให้บริการควรมีใบประกอบวิชาชีพและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ:
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์โดยเฉพาะ
- สอบถามเกี่ยวกับจำนวนการรักษาที่เคยทำมาและผลลัพธ์
ความสะอาดและมาตรฐาน:
- สังเกตความสะอาดของคลินิกและอุปกรณ์ที่ใช้
- ตรวจสอบว่ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและถูกกฎหมาย
การให้ข้อมูลและคำปรึกษา:
- แพทย์ควรให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับขั้นตอน ผลข้างเคียง และการดูแลหลังการรักษา
- ควรมีการประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อนการรักษา
ราคาและความโปร่งใส:
- เปรียบเทียบราคากับคลินิกอื่นๆ แต่อย่าเลือกเพียงเพราะราคาถูก
- ตรวจสอบว่ามีการแจ้งค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจนและไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ชื่อเสียงและรีวิว:
- อ่านรีวิวจากลูกค้าเก่าและสอบถามจากคนรู้จัก
- ดูผลงานก่อน-หลังการรักษาของคลินิก
การดูแลหลังการรักษา:
- สอบถามเกี่ยวกับการติดตามผลและการดูแลหลังการรักษา
- ตรวจสอบว่ามีบริการให้คำปรึกษาหลังการรักษาหากเกิดปัญหาโบท็อกซ์