เมโสแฟต กับ เมโสหน้าใส ถูกถามถึงกันเยอะมาก แล้วก็มีคนงงกันเยอะเหมือนกันว่ามันใช่อันเดียวกันไหม เลือกทำไม่ถูกจ้า แอดก็เจอเคสแบบนี้เยอะที่เข้ามาในคลินิกแล้วบอกว่าฉีดแฟต เพราะสิวเยอะมากค่ะ แอดถึงกับเบรกน้องไม่ทัน ว่าฉีดแฟตไม่ได้ช่วยเรื่องหน้าใสนะ! มันลดเหนียง ลดแก้มเยอะต่างหาก แต่คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดจ้า มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันใหม่ ว่าสองตัวนี้มันแตกต่างกันยังไง จะได้เลือกทำถูก จะสรุปให้อ่านง่าย ๆ รับรองอ่านแล้วไม่เสียเวลาไปฟรี ๆ แน่นอน ! แต่ก่อนจะไปถึงการเปรียบเทียบว่าแตกต่างกันยังไง มาเริ่มกันก่อนว่าเมโสมันคืออะไร?
Q : เมโส คืออะไร?
A :
เมโส (Meso) จริง ๆ แล้วย่อมาจากคำว่า Mesotherapy ที่มีความหมายว่า ซึ่งมีการทำงานโดยจะส่งตัวยาหรือสารอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารอาหารเข้มข้นเข้าสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ของผิวโดยตรง เช่น วิตามิน Coenzyme Q10 แร่ธาตุ และกรดอะมิโน การทำเมโสจะมีโปรแกรมให้ทำหลายแบบ แต่โปรแกรมที่คนนิยมทำเยอะมากที่สุด คือ ฉีดแฟต กับเมโสหน้าใสนั่นเองค่า
Q : เมโสแฟต กับ เมโสหน้าใส คืออะไร แตกต่างกันยังไง?
A :
MESOFAT หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันบ่อย แต่ขอเบรกว่า “ฉีดแฟตไม่ใช่ยี่ห้อ แต่มันคือลักษณะตัวยา” ซึ่งเป็นการเอาตัวยาฉีดเข้าไปในชั้นไขมันของเรา แตกตัว หรือสลายตัวขับออกไปเองตามธรรมชาติ ทำให้ไขมันบริเวณที่เราเลือกฉีดไปลดลง เช่น ใบหน้า เหนียง พุง ซึ่งตัวยามีหลายตัวมาก และแต่ละตัวก็ทำงานแตกต่างกันด้วย
เมโสหน้าใส เป็นการฉีดสารสกัดบำรุงผิวหน้า เช่น วิตามิน ลงไปในชั้นผิวเพื่อสร้างคอลลาเจน หรือช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟูผิวจากสิ่งสกปรก สารระคายเคืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สีผิวไม่สม่ำเสมอ ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูขาวกระจ่างใส
แบ่งเป็น 3 กลุ่มแบบด้วยกัน คือ
1. เน้นความขาวใส จะมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยให้หน้าขาว เช่น วิตามิน A, B, C, E, Transamin และ Glutathione
2. เน้นหน้าใส หลัก ๆ จะมีส่วนผสมของคอลลาเจนและโคเอนไซม์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวดูฟู และช่วยกระชับรูขุมขน
3. เน้นแก้สิว-แก้ผื่น ช่วยลดการอักเสบของสิว ขับสารพิษที่สะสมภายในผิวหนังออก
Q : ฉีดแฟต กับเมโสหน้าใสเหมาะกับใคร?
A :
MESOFAT เอาง่าย ๆ เลย คือ เมโสแฟตเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วนตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายที่มีไขมันสะสมเยอะ แล้วลดยาก จะช่วยให้ลดลงเร็วขึ้น เช่น แก้มเยอะ เหนียง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เลยเป็นตัวเลือกแรก ๆ เลยที่ใคร ๆ นึกถึง เหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่จะไปออกงานอะไรก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่าฉันจะให้เหนียงโผล่ออกมาไม่ได้ แอดแนะนำให้จัดเลยจ้า
เมโสหน้าใส จริง ๆ ชื่อก็บอกไปเรียบร้อยแล้วว่าช่วยเรื่องอะไร แต่แอดขอลงลึกอีกนิด เพื่อที่จะได้ชัดเจนว่าใครทำได้บ้าง ตัวช่วยนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น สีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอ หรือขาวไม่เท่ากันนั่นแหละ เรื่องผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส และช่วยได้ดีมาก ๆ และคนที่มีปัญหาที่ทาครีมยังไงหน้าก็ยังแห้งอยู่ เหมือนครีมไม่ได้ซึมเข้าไปในผิวเลยก็ช่วยได้ ยังไม่หมดเท่านี้นะ ยังเป็นตัวเลือกแรก ๆ เลยสำหรับคนที่พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง นอนดึก ทำให้หน้าโทรม เอาอยู่แน่นอน
Q : ข้อดี / ข้อเสีย
A :
MESOFAT
ข้อดี
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน ฉีดเสร็จออกไปทำอย่างอื่นต่อได้เลย
- บวมช้ำน้อย แต่บางตัวยาอาจบวมยาได้ใน 1 – 3 วันแรก
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน แปปเดียวก็เสร็จ
ข้อจำกัด
- ถ้าจุดไหนมีไขมันเยอะ อาจต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง ถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
- ต้องมาฉีดบ่อย ไม่สามารถทำครั้งเดียวจบเหมือนการดูดไขมันทิ้ง
เมโสหน้าใส
ข้อดี
- เห็นผลไวว่าหน้าใสกว่าการใช้ครีมบำรุงหลายเท่า
- ช่วยรักษาปัญหาผิวได้เยอะ และช่วยกู้ผิวเร่งด่วนได้ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิว หรือ รูขุมขนกว้าง
- ไม่เจ็บ และหลังทำไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- ต้องได้รับการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากไม่ได้รับการฉีดที่ถูกต้องอาจทำให้เกิดแผลฟกช้ำ เป็นรอยแดง และผิวอักเสบได้
- ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ เหมือนกัน
Q : ฉีดแฟตกับฉีดหน้าใส ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
A :
MESOFAT สามารถฉีดลดไขมันสะสมได้ตามนี้
- ลดแก้ม
- เหนียง
- หน้าท้อง
- ต้นแขน
- ต้นขา
- น่อง
เมโสหน้าใส สามารถฉีดได้ทุกจุดของใบหน้า เพราะเป็นการฉีดตามปัญหาผิวตามแต่ละจุด เช่น หน้าโทรม รอยสิว
Q : ฉีดแฟตกับฉีดหน้าใส อันตรายไหม?
A :
เมโสแฟต ไม่อันตรายค่ะ! ตัวยาเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ตัวยาได้น้อย สามารถขับออกได้เองตามธรรมชาติพร้อมของเสียในร่างกาย แต่ต้องได้ฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ได้รับตัวยาของแท้สามารถตรวจสอบได้ คลินิกที่น่าเชื่อถือด้วยนะคะ
MESOFAT นี่ก็เป็นอีกตัวที่ไม่อันตรายค่ะ! เพราะมีสารประกอบจากสารสกัดจากธรรมชาติ และสามารถสลายหายไปเองได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย เช่น มีวิตามินช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ก็ย้ำอีกรอบว่าต้องฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีด ได้คำปรึกษาได้จรงจุด ยาต้องเป็นของแท้เหมือนกันนะคะ
อ่านฉีดลดแก้มที่ไหนดีได้ที่นี่👇
Q : ฉีดกี่วันเห็นผล ฉีดบ่อยแค่ไหน และผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไร?
A :
MESOFAT หลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดขึ้น แต่ผลลัพธ์เร็วหรือช้าจะขึ้นอยู่กับปริมาณของตัวยาเมโสแฟต และบริเวณที่ฉีดไปด้วยค่ะ
ฉีดแฟตบ่อยไหม? จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนด้วย เช่น เป็นคนมีเหนียงเยอะต้องการฉีดลดเหนียง คุณหมอจะทำการประเมินตามปริมาณไขมันที่สะสมอยู่แล้วแนะนำว่าควรฉีดกี่ครั้ง ถ้าเป็น 3 ขวดเพื่อน ๆ สามารถฉีด 3 ขวดได้เลยในครั้งเดียว แต่หากยังไม่พร้อมสามารถทยอยฉีดเป็นอาทิตย์ละ 1 ขวดได้
ผลลัพธ์ฉีดแฟตสามารถอยู่ได้นาน 2-3 เดือน
เมโสหน้าใส จะเห็นผลลัพธ์ 3 วันหลังจากที่ฉีดไปแล้ว และจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนในช่วงวันที่ 7-14 วันหลังฉีด
ฉีดหน้าใสต้องฉีดบ่อยไหม? แนะนำให้ฉีด 3-5 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ในช่วงแรกจะฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นนาน ๆ ครั้งค่อยทำการฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์เอาไว้เป็นการฉีด 2 สัปดาห์ต่อครั้ง
ผลลัพธ์หน้าใสจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน และจะสลายหายไปเองตามธรรมชาติ
Q : เมโสแฟต/ฉีดหน้าใส ดูแลตัวเองยังไง?
A :
MESOFAT
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพราะการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยให้ไขมันที่ฉีด สลายไปโดยการถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ และเหงื่อ
- เลือกทานอาหารที่ดี จะได้ไม่กลับมาอ้วน! เพราะไขมันในร่างกายยังมีการสะสมอยู่เรื่อย ๆ ถ้ายังเลือกทานอาหารที่มีไขมันสูง ตัวยาที่ฉีดไปบอกเลยว่าจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากมีการควบคุมอาหารไปจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากเลยค่ะ
- ออกกำลังกาย เพื่อขับไขมันที่ถูกสลายในรูปแบบเหงื่อให้เร็วขึ้น อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ก็ได้ค่ะ เช่น การเดินเร็ว แอโรบิค
เมโสหน้าใส
- พักผ่อนให้เพียงพอ ต้องมีการปรับเวลานอนเพื่อให้ร่างกายไม่อ่อนเพลียจะได้ดูดสารวิตามินจากการฉีดไปใช้ได้อย่างเต็มที่
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะมีส่วนที่ทำให้หน้าโทรมได้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงหลังฉีดหน้าใส และควรทากันแดดด้วย
- งดทาครีมบำรุงบริเวณบนใบหน้าเป็นเวลา 1 คืนหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วกดใบหน้า
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ หลังฉีด
Q : ฉีดแฟตกับฉีดหน้าใส เจ็บไหม?
A :
MESOFAT อาจทำให้รู้สึกเจ็บได้ แต่มักอยู่ในระดับที่ทนได้เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีน และอาจมีอาการผิวบวมแดงได้ในช่วง 1-2 วันแรก หลังจากนั้นอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่า
เมโสหน้าใส อาจจะรู้สึกเจ็บได้ แต่ไม่ได้เจ็บมาก เป็นความเจ็บที่ทนได้ เพราะฉีดหน้าใสเป็นหัตถการที่ต้องใช้เข็มฉีดยาฉีดลงบนผิวหนัง
Q : ฉีดแฟตแล้วผอมลงไหม?
A :
บอกไว้ก่อนว่าการฉีดแฟตไม่ได้ทำให้ผอมลงนะ มันเป็นแค่ตัวช่วยในการสลายลดไขมัน หรือลดสัดส่วนเฉพาะจุดเท่านั้น แต่เราสามารถใช้เมโสแฟตเป็นตัวช่วยเร่งลดสัดส่วนให้ไวขึ้นได้ หรือในบางคนที่ออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา หรือยกน้ำหนัก อาจจะมีกล้ามเนื้อบางจุดที่ใหญ่ขึ้นแล้วไม่สวยเราไม่ชอบ ก็สามารถใช้โบท็อกช่วยลดได้เหมือนกัน
เป็นไงกันบ้าง? ทุกคนพอเห็นถึงความแตกต่างระหว่างเมโสแฟต และเมโสหน้าใสชัดขึ้นไหมคะ เชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นว่าเราควรฉีดโปรแกรมไหนตามปัญหาของเราได้อย่างตรงจุดนะคะ แต่อย่าลืมว่าต้องตรวจสอบให้ดีว่าจะเลือกฉีดที่ไหนด้วยนะคะ Sowon Clinic เราพร้อมไปด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษา ใช้ตัวยาของแท้สามารถตรวจสอบได้ คลินิกมีรีวิวจากลูกค้าจริงที่ได้รับบริการ และยังมีทีมแอดมินที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง หากเพื่อน ๆ ยังมีคำถามอื่น ๆ สามารถทักมาปรึกษาพูดคุยกันได้เลยนะคะ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เมโสแฟต
หน้าบาน หน้าไม่มีมิติ เนรมิตหน้าใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด !
หน้าบาน หน้าไม่มีมิติ ปัญหาโลกแตกที่ทำเอาใครหลาย ๆ คน รู้สึกเฟลกับตัวเองถึงขั้นไม่มั่นใจที่จะออกกล้อง ไม่ชอบถ่ายรูป ! เพราะปัจจุบันปี 2022 การมีรูปหน้าที่เรียว ดูมีมิติ
ฉีดแฟตสลายไขมัน เห็นผลจริงมั้ย?
ฉีดแฟต ดีมั้ย? ฉีดแฟตจะเห็นผลหรือเปล่า? ฉีดแฟตจะอันตรายมั้ย? คำถามยอดฮิตของหลายๆคนเลยทีเดียวค่ะ
ฉีดแฟตลดแก้มเหนียงภายใน 7 วัน โดยที่ไม่ต้องออกกำลังกาย
แก้มเยอะ เหนียงห้อย สาเหตุหลักของปัญหาหน้าบาน หน้ากลม ถือเรื่องหนักใจของเพื่อนหลาย ๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกเฟลกับตัวเองได้ถึงขั้นไม่กล้าจะถ่ายรูปหน้าตรง หรือ ยิ้มเยอะ ๆ
กรามใหญ่ VS แก้มเยอะ เกิดจากอะไร? แก้ยังไงให้หน้าเรียว?
กรามใหญ่ หน้าบานแก้มเยอะ เรื่องหนักใจของใครหลาย ๆ คน ที่สามารถทำให้เรารู้สึกเฟลกับตัวเองได้ถึงขั้นไม่กล้าจะถ่ายรูปหรือทำอะไรเลยก็ตาม อย่างว่าแหละค่ะการมีรูปหน้าที่เรียว วีเชฟกรอบหน้าคมชัด