ปัจจุบันงานผิวมาแรงจนปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “ฟิลเลอร์” คือหนึ่งในตัวช่วยที่ดีและเร็วที่สุดเหมาะกับสาวๆในยุค Digital สมัยนี้เพราะนอกจากจะต้องทำให้ใบหน้าดูสวยเช้งตลอดเวลาแล้วยังต้องดูอิ่มฟูเหมือนคนดื่มน้ำ 8 แก้ว/วันอีกด้วย วันนี้ SOWON Clinic จึงขอนำเสนอ Filler ทั้ง 3 ตัวนี้เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของเด็กยุคใหม่และสาวรุ่นใหญ่ใน Gen ก่อนอีกด้วย
3 งานผิวยอดฮิตมีอะไรบ้าง???
อย่างไรก็ตามขอเปิดที่ Filler Beloteto revive เป็นตัวแรก ตัวนี้จะช่วยให้คุณสมบัติในการเติมน้ำให้กับผิว จินตนาการว่าเหมือนเวลาเราฉีดหน้าไปจะเหมือนกับตอนที่เราทาครีมเพื่อทำให้ผิวหน้าอิ่มน้ำ ฟูขึ้น ใครที่มีปัญหาผิวแห้งหรือว่าผิวดูเต็มดีอยู่แล้ว ตึงดีอยู่แล้ว ขาดแค่ความแห้งตื้นๆก็แนะนำเป็นตัวนี้เพราะผลลัพธ์จะอยู่ได้ถึง 6-9 เดือนนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ดีตัวต่อมาจะพลาดไม่ได้ Filler Juvederm Volite ตัวนี้ถึงแม้คุณสมบัติจะคล้ายกับตัว Belotero แต่ว่าเป็นการเติมน้ำลงไปในชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า ทำให้ผิวที่แห้งลดลง รูขุมขนแน่นขึ้นดูอิ่มน้ำมากขึ้น และสามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าดังนั้นเวลาสับสนว่าควรเลือก Filler ตัวไหนถึงจะเหมาะกับผิวเรามากที่สุด ต้องให้แพทย์เป็นคนประเมินพื้นฐานของผิวเราก่อนว่าอยู่ในระดับไหนตัวไหนถึงจะตอบโจทย์กับปัญหามากที่สุด
อีกทั้งงานผิวตัวสุดท้ายที่มาแรงไม่แพ้กัน ถึงแม้จะเป็นตัวใหม่แบบที่เรายังไม่คุ้นชินหรือรู้จักมาก่อน วันนี้ขอนำเสนอ Radiesse หรือเรียกอีกอย่างว่า “Filler กึ่งถาวร” เป็นชื่อที่ต่างประเทศนิยมเรียกกันอยากให้ ลืมภาพจำไปก่อนเพราะ Radiesse จะไม่ใช่ฟิลเลอร์ที่เรารู้จักแบบเดิมๆ ฟิลเลอร์ที่เรารู้จักแบบเดิมๆคือฟิลเลอร์ ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) จะช่วยการเติมเต็มเฉพาะจุดแต่ว่า Radiesse ถือว่าเป็นการฉีดแบบใช้ Biostimulator ไบโอสติมูเลเตอร์ ก็คือการฉีดเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนด้วยตนเองคือปกติคนไข้หรือคนเราเมื่อมีอายุมากขึ้นทุกวันๆ ผิวเราก็จะบางลงแล้วก็ขาดความยืดหยุ่น คอลลาเจนน้อยลง ผิวก็จะเหี่ยวลงแล้วก็หย่อนคล้อยลง การเติม Radiesse filler เข้าไปจะทำให้ผิวมีคอลลาเจนมากขึ้น มีความยืดหยุ่นผิวมากขึ้นผิวเราก็จะหนาขึ้น แน่นมากขึ้นแล้วก็จะช่วยเรื่องยกกระชับได้ช่วยความยืดหยุ่นของผิวได้ ช่วยรูขุมขนผิวได้แล้วด้วย Radiesse filler เองเขามีคุณสมบัติช่วง 3 เดือนแรกเนี่ยจะมีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำช่วง 3 เดือนแรกคนไข้ก็จะรู้สึกว่าเหมือนได้เติมเต็มไปด้วย ได้เติมเต็มใบหน้า ใบหน้าดูอิ่มขึ้นเต็มขึ้น กระชับขึ้นแต่ว่าเมื่อ 2-3 เดือนแล้วเนี่ย คอลลาเจนเริ่มสร้างแล้วเนี่ย ผลลัพธ์การสร้างคอลลาเจนก็จะอยู่ได้ประมาณถึง 1 ปีเลย
Q : Radiesse filler ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
A : Radiesse สามารถฉีดบริเวณหน้าแก้ม ข้างแก้ม แก้มตอบ และบริเวณแก้มด้านข้างทั้งหมดรวมถึงร่องแก้มและบริเวณกรอบหน้าได้ด้วยเหมือนกัน เหมือนการฉีดในจุดดังกล่าวนี้จะทำให้ใบหน้าด้านข้างดูกระชับขึ้น
Q : Radiesse filler อายุเท่าไหร่ถึงแนะนำให้ฉีด
A : แนะนำตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไปเพราะว่าผิวเราก็จะเริ่มบางลงแบบรู้สึกได้ชัดเจนค่ะ
Q : ถ้าฉีด Radiesse จะอยู่ได้นานไหม
A : เมื่อคอลลาเจนเริ่มสร้างหลังจากผ่านการฉีดไป 2-3 เดือนแล้ว จะเห็นผลลัพธ์การสร้างคอลลาเจนและอยู่ได้นานนานถึง 1 ปีครึ่ง – 2 ปีเลย ขึ้นอยู่กับการดูแลของคนไข้ด้วยค่ะ
Q : Radiesse กับ Juvederm Volite แตกต่างกันยังไง
A : Radiesse จะเป็นอีกอย่างนึงไปเลยคือ Radiesse เหมือนจะไม่ใช่ฟิลเลอร์ไปเลยนะถือว่าเป็น Biostimulator
ไบโอสติมูเลเตอร์ไปเลย เหมาะสำหรับการทำให้ผิวหนาขึ้นเป็นเครื่องมือที่ทำเพื่อการย้อนวัยที่แท้จริงเลย ทำให้ผิวหนาขึ้นและกลับมาเด็กลงแต่ว่าอย่าง Volite เนี่ยเป็นการเติมน้ำให้ผิวชุ่มชิ้นรูขุมขนเล็กแล้วก็ผิวดูโกลด์ขึ้นอันนี้จะเป็นตอบโจทย์กันคนละอย่าง ช่วงอายุก็จะแตกต่างกันไปถ้า Juvederm Volite เนี่ยจริงๆถ้าเกิดอายุ 20 ใครอยากผิวโกลด์ขึ้น ผิวอิ่มน้ำขึ้นก็มาฉีดได้เลย
Q : Filler ทั้ง 4 ยี่ห้อนี้ (Radiesse + Juvederm + Belotero+Sculptra) ช่วยอะไร กลไก ดียังไง การทำงาน ฉีดเยอะแค่ไหน ถี่แค่ไหน อยู่ได้นานแค่ไหน
Sculptra เป็นสารที่ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและสร้างคอลลาเจน ทำให้เติมเต็มผิวกระชับ และถ้าใช้ในการรักษา 1 คนอาจจะต้องใช้จำนวนมากกว่า จึงทำให้เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ราคาจะสูงกว่าตัวRadiesse ที่อยู่ได้นานเป็นปี รวมไปถึงไม่ก่อให้เกิดอาการอักเสบเพราะเป็นสารที่มีในธรรมชาติของร่างกายเราอยู่แล้วและกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน
A : Radiesse filler ช่วยให้ผิวมีคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น แน่นและหนาขึ้นช่วยเรื่องยกกระชับ รูขุมขนใบใบหน้าหรือบริเวณที่ฉีดอิ่มขึ้นเต็มขึ้น มีกลไกการฉีดแบบใช้ไบโอสติมูเลเตอร์ช่วยเรื่องการเติมเต็มเฉพาะจุด ทำให้ร่างกายเราเริ่มสร้างคอลลาเจนได้ด้วยตนเอง แนะนำให้ฉีด 2 กล่อง/1 ครั้ง ความถี่ในการฉีดควรห่างกันอย่างน้อย 1 เดือนต่อการฉีด 1 ครั้ง
Juvederm Volite เป็นการเติมน้ำในชั้นผิวหนังเหมือนกันก็คือจะเอาฟิลเลอร์ไปวางไว้ข้างในก็จะทำให้ความแห้งของผิวลดลง รูขุมขนแน่นขึ้นและผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้น Volite จะฉีดในชั้นที่ลึกกว่า Belotero Revive เล็กน้อยแล้วก็จะอุ้มน้ำได้มากกว่า ถ้าใครอายุ 20 แล้วอยากผิวโกลด์ขึ้น ผิวอิ่มน้ำขึ้นก็แนะนำให้เลือกตัวนี้ สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี
Belotero Revive เป็นการฉีดเพื่อเติมน้ำให้กับผิวทำให้ผิวที่ขาดน้ำ แห้ง หรือรูขุมขนกว้างจะดีขึ้นเพราะมีไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์ข้างในทำให้ผิวชุ่มชื้น แน่นขึ้น บริเวณที่ฉีดจะเป็นหน้าแก้ม ข้างแก้ม จุดไฮไลท์ต่างๆ เช่น โหนกแก้ม การทำงานของ Belotero ก็จินตนการว่าเหมือนเราทาครีมเพื่อทำให้ผิวหน้ามันอิ่มน้ำฟูขึ้นนั่นเอง ระยะเวลาของตัวนี้อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
Sculptra คือ สารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีด ที่ประกอบด้วยไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นหนึ่งใน สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เรียกว่า Biostimulator ช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง ได้ถึง 66.5% เติมเต็ม ยกกระชับใบหน้า ฟื้นฟูผิว ได้นานถึง 2 ปี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัย ผ่าน US FDA และผ่านการฉีดจริงมาแล้วจากอเมริกา นานถึง 20 ปี จึงค่อนข้างมั่นใจได้ในความปลอดภัย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์
หมดปัญหาความหย่อนคล้อยด้วย HArmonyCa ดีจริงมั้ยต้องดู
โปรแกรม HArmonyCa เป็นโปรแกรมฟิลเลอร์ใหม่ล่าสุด ซึ่งถือ…
ปากหวานละมุนด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก กี่ CC ถึงจะละมุนเข้ากับใบหน้า
โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก นับได้ว่าเป็นหัตถการที่ไม่ว่าจะกี่ปี…
โปรแกรมฟิลเลอร์คาง คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
โปรแกรมฟิลเลอร์คาง เป็นโปรแกรมหัตถการที่กำลังฮิตที่สุดใ…
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อันตรายไหม ทำยังไงดี ?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเกิด…
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ช่วยอะไร อันตรายไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่กำลังนิยมในตอนนี้…
ฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่ ?💋💉✨
ฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากของปีนี้ต้อง…