เลเซอร์รอยสิวถือเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดเลือนรอยดำจากสิว รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ นวัตกรรมเลเซอร์ประเภทนี้มีหลักการทำงานอย่างไร และเหตุใดจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งปัญหารอยสิวมักเป็นสิ่งที่ผู้มีปัญหาสิวต้องเผชิญ แม้ว่าจะสามารถรักษาสิวจนหมดไปได้แล้ว แต่ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ เช่น รอยดำ รอยแดง หรือรอยแผลเป็น อาจต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะจางลงได้ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีด้านความงามได้พัฒนาไปอย่างก้าวหน้า ทำให้เลเซอร์รอยสิวกลายเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนรอยสิวอย่างเห็นผล
หากใครกำลังกลุ้มใจกับรอยดำจากสิว หรือปัญหาผิวอย่างฝ้า กระ และจุดด่างดำ ลองมาทำความรู้จักกับ เลเซอร์รอยสิว ที่ช่วยให้ผิวกลับมาเนียนใสเร็วขึ้นกันค่ะ เพราะเราเข้าใจดีว่าการรักษาสิวอาจเป็นเรื่องยาก แต่การจัดการกับรอยสิวกลับยากยิ่งกว่า ถึงแม้สิวจะหายไปแล้ว แต่รอยดำ รอยแดง หรือแม้แต่รอยแผลเป็นก็มักทิ้งร่องรอยไว้ให้เรากังวลใจไปอีกนาน แล้วเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใครบ้าง? ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล? หลังทำแล้วผิวจะบางลงหรือไม่? ถ้าอยากรู้คำตอบ เลื่อนลงมาอ่านต่อได้เลยค่ะ! 😊
เช็กด่วน ใครมีปัญหา‼️ จนต้องทำ Dual Yellow‼️
🚩 มีรอยแดงและเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า
🚩 ต้องการลดรอยดำและจุดด่างดำ
🚩 ต้องการลดรอยแผลเป็นจากสิว
🚩 ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส
🚩 ต้องการรักษาโดยไม่มีการพักฟื้นนาน
เลเซอร์รอยสิวคืออะไร ?
อย่างที่ทราบกันนะคะว่าตอนนี้การรักษาปัญหาผิวหน้าด้วยเลเซอร์เป็นที่นิยมใช้ปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยยิงแสงเลเซอร์ไปตรงบริเวณที่เกิดความผิดปกติ และลอกชั้นผิวหนังออกทีละชั้น ถือเป็นกระบวนการรักษาผิวหน้ารูปแบบหนึ่งที่รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องใช้เวลานาน เลเซอร์รอยสิว จึงเป็นที่นิยมมากในหมู่สาว ๆ เพราะทำให้ผิวใสได้เร็ว
ก่อนหน้านี้นวัตกรรม เลเซอร์รอยสิว มีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ การทำเลเซอร์บางรุ่นทำให้ผิวตกสะเก็ด หน้าลอก แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วค่ะ เพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยีเลเซอร์ถูกพัฒนาให้อ่อนโยนต่อผิวมากขึ้น สามารถทำได้ต่อเนื่องโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิว รวมถึงมีโหมดหลากหลาย เฉพาะเจาะจงปัญหาผิวได้ดี แก้ไขปัญหาเม็ดสีและรอยสิวได้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่าง เช่น โหมดลดการสร้างเม็ดสี พลังงานเลเซอร์จะพุ่งเป้าไปที่การลดเม็ดสีเมลานินในบริเวณผิวที่มีรอยคล้ำ รอยดำ โดยจะไม่ไปรบกวนผิวบริเวณโดยรอบ ทำให้การเลเซอร์เนี่ยสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดมากกว่าการทาครีมบำรุงหรือทรีทเม้นท์อื่น ๆ นั่นเอง
เลเซอร์รอยสิว ช่วยรอยสิวอย่างเดียวหรอ ช่วยเรื่องอื่นได้อีกไหม ?
ช่วยเรื่องอื่นได้ด้วยแน่นอนค่ะ อย่างที่บอกไปนอกจากปัญหา สิว แล้วยังสามารถช่วย ลดรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ จุดด่างดำ และลดการอักเสบที่เกิดจากสิว รวมถึงการช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าให้ดูจางลง ลดขนาดรูขุมขนให้กระชับขึ้น และยังปรับเม็ดสีผิวให้สม่ำเสมอ ส่งผลให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นการทำ เลเซอร์รอยสิว จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิวพรรณเพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเครื่องเลเซอร์แต่ละรูปแบบ และปัญหาผิวหน้าของคนไข้แต่ละคนด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าทุกแบบจะมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับคุณเหมือนกันหมด
เลเซอร์รอยสิวกี่วันหาย ?
ขึ้นอยู่กับเครื่อง เลเซอร์รอยสิว แต่ละรูปแบบเลยค่า เนื่องจากการทำงานของแต่ละเครื่องแตกต่างกันไป ประสิทธิภาพก็ไม่เท่ากันอีกด้วย บางรูปแบบเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำเสร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่บางรูปแบบก็ไม่เป็นแบบนั้น จำเป็นต้องใช้เวลา รอสะเก็ดหลุด สภาพผิวจึงจะดีขึ้นค่า ซึ่งแอดมินก็ได้อธิบายการทำงานเครื่องเลซอร์แต่ละรูปแบบไว้ข้างล่างแล้วนะคะ อยากรู้เลื่อนลงไปอ่านต่อเล้ย
เลเซอร์รอยสิวเจ็บมากไหม ?
โดยทั่วไปนะคะก่อนการยิง เลเซอร์รอยสิว ทุกครั้ง จะมีการทายาชาทั่วใบหน้าเลย ดังนั้นคนไข้จะไม่ค่อยรู้สึกถึงความเจ็บแบบรุนแรงนัก แต่อาจรู้สึกแปล๊บ ๆ ดีด ๆ บ้างเพียงเล็กน้อย ยกเว้นเครื่อง Dual Yellow ที่เป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยและอ่อนโยนสูง ถือว่ามีความนุ่มนวลมากที่สุดแล้วในท้องตลาด จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาในระหว่างการรักษา แค่รู้สึกอุ่น ๆ และแดงนิดหน่อย ซึ่งอาการนี้จะสามารถหายไปได้เองหลังจากทำการรักษาเสร็จสิ้นค่า
ต้องทำบ่อยแค่ไหน เพื่อคงผิวเนียนใส ไร้ สิว ไปตลอด
เซลล์ผิวของเราจะผลัดเซลล์ได้เองในทุก ๆ 3-4 สัปดาห์อยู่แล้ว แพทย์ผิวหนังจะแนะนำให้ทำ เลเซอร์รอยสิว โดยเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์เช่นกันค่ะ เพื่อให้การผลัดเซลล์ผิวของคุณดูเป็นธรรมชาติแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำเลเซอร์ร่วมด้วย ย่อมรวดเร็วกว่ารอเซลล์ผิวผลัดเองเฉย ๆ นั่นเองค่ะ และควรทำอย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อเนื่องกันด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีนี้นะ ลดรอยสิว เผยผิวเนียนใส ใบหน้าไม่หมองคล้ำอีกต่อไปแน่นอนค่า
ทำเลเซอร์รอยสิวแล้วหน้าบางไหม
หลายคนมีความกังวลว่า เลเซอร์รอยสิว บ่อย ๆ ผิวหน้าโดนความร้อนซ้ำ ๆ จะทำให้ผิวบางลงหรือมีผลเสียต่อผิวในระยะยาวหรือเปล่า? แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยค่า เลเซอร์รอยสิวมีการพัฒนาพลังงานและโหมดการใช้งานที่หลากหลาย เครื่องเลเซอร์หนึ่งรุ่นสามารถปรับการใช้งานได้หลายโหมดเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับความต้องการในการแก้ไขปัญหาผิวนั้น ๆ สามารถทำได้ทุก 4-6 สัปดาห์ โดยไม่ต้องกังวลว่าผิวของคุณจะบางลงนะคะ
เลเซอร์รอยสิวมีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง เลือกเครื่องไหนดี ?
ปัจจุบันในท้องตลาด มีเครื่อง เลเซอร์รอยสิว มีอยู่ประมาณ 5 แบบด้วยกันที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันไป ส่วนเครื่องเลเซอร์รอยสิวแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันตรงไหน ช่วยในเรื่องอะไร เหมาะกับใครบ้าง มาตามคำตอบกันต่อพร้อมแอดมินเลยนะค้า
1. DUAL YELLOW LASER
เครื่องเลเซอร์ที่ใช้การผสมผสานระหว่างแสงเลเซอร์สีเหลืองและแสงสีเขียว ทำให้สามารถรักษารอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และมีจุดเด่นที่แตกต่างจากเลเซอร์ตัวอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ อ่อน! โยน! มาก! ปกติหลังการยิงเลเซอร์ทั่วไปใบหน้าจะแดง ผิวลอกและตกสะเก็ด แต่ว่า Dual Yellow เป็นนวัตกรรม เลเซอร์รอยสิว แบบใหม่ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาข้อนี้ เนื่องจากอ่อนโยนแบบไม่ทำลายชั้นผิว จึงสามารถยิงได้ทั่วใบหน้า และทำงานได้ดีในรอยดำ รอยแดงที่เกิดจาก สิว ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสสีผิวสม่ำเสมอโดยไม่ทำให้ผิวตกสะเก็ด ไม่เจ็บเลยด้วย! เน้นการทำงานเฉพาะจุด ทำให้สามารถแต่งหน้าหรือออกงาน ภายหลังจากเข้ารับการรักษาได้ในทันที เรื่องจริงนะคะ ไม่ได้โม้
ข้อดีของ DUAL YELLOW
- เห็นผลตั้งเเต่ครั้งเเรกที่ทำ
- อ่อนโยนต่อผิวที่สุด ไม่เจ็บ ไม่ทำลายชั้นผิวภายนอก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาเหมือนเครื่อง เลเซอร์รอยสิว ทั่วไป
- ไม่ทำให้สภาพผิวภายนอกเสียหาย ไม่แดงมาก ไม่เกิดแผล ไม่ต้องรอใบหน้าตกสะเก็ดเหมือนเครื่องเลเซอร์รูปแบบอื่น ๆ ค่า
- จัดการกับปัญหาผิวยอดฮิตได้ เช่น สิวอักเสบ รอยดำ รอยแดง กระ ฝ้า จุดด่างดำ ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน
- ทำ Dual Yellow เพียง 1 ครั้ง เทียบเท่าการทำเลเซอร์ทั่วไปถึง 4 ครั้ง!
- Dual Yellow มีเเสงเลเซอร์ 2 ลำเเสง ทำให้การยิงเลเซอร์ มีประสิทธิภาพมากในการรักษาไปถึงชั้นผิวหนังเเท้ จึงทำให้ผิวการเกิดบำบัด
ข้อเสียของ DUAL YELLOW
- อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี
DUAL YELLOW เหมาะกับใคร ?
การทำ Dual yellow จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวพรรณในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ค่า
- รอยดำ รอยแดง
- สิวอุดตัน สิวอักเสบ
- รอยแผลจาก สิว
- รูขุมขนกว้าง
- จุดด่างดำ
- กระ ฝ้า จากแสงแดดและมลภาวะ
- ปานแดง
- รอยเเตกลาย
- เส้นเลือดฝอย
- ติ่งเนื้อต่าง ๆ
- รอยแดงจากเส้นเลือด
- ผิวหน้าที่หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
การทำ Dual Yellow จะเป็นการบำบัดให้ผิวได้ผ่อนคลาย ถ้าสงสัยว่า เลเซอร์รอยสิว Dual Yellow กี่วันหาย แอดมินขอตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล แต่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำแน่นอนค่ะ และถ้าจะให้ดีที่สุดขอเเนะนำให้ลงเป็นคอร์สเพราะหากทำต่อเนื่อง 5 ครั้ง เว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์ ต่อ 1 ครั้ง จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเองค่า
ทำไมต้องทำ DUAL YELLOW ที่ SOWON CLINIC
- ยิงไม่กั๊ก ไม่จำกัดพลังงาน คุณหมอจะประเมินตามความเหมาะสมของปัญหาในเเต่ละคน
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งเเต่ครั้งเเรกที่ทำ รู้สึกได้เลยว่ารอยดำจางลง หน้าขาวมากขึ้น
ความรู้สึกขณะทำ DUAL YELLOW
ย้ำอีกทีว่าเป็น เลเซอร์รอยสิว ที่ไม่รุนเเรง คนไข้ที่เข้ารับการรักษาจะไม่รู้สึกเจ็บแน่นอนค่า
- ไม่เป็นต้องใช้ยาชาก่อนรักษา เพราะแทบไม่รู้สึกอะไรเลย
- ระหว่างทำอาจจะรู้สึกเหมือนเข็มเเตะเบา ๆ ในบริเวณที่มีความผิดปกติของเม็ดสี
- หลังทำเสร็จอาจจะรู้สึกอุ่น ๆ เเละแดงที่ผิวเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง
ระยะเวลาในการทำ DUAL YELLOW
45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้เคสต่อเคสไปนะคะ
การดูเเลผิวหลังทำ DUAL YELLOW
- หลังทำ Dual yellow สามารถเเต่งหน้า เเละทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงเเสงแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์
- งดการอบไอน้ำ และงดการซาวน่า
หน้าใส X2 ด้วย
Diamond Peel💎✨
Diamond Peel ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Diamond Peel เป็นการผลัดเซลล์ผิวอย่างนุ่มนวลไม่ก่อให้เกิดการเเพ้ ด้วยหัวเพชร (Diamond Tip) เทคโนโลยีที่สามารถผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
ดูดสิ่งสกปรกที่อุดตันออกจากใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบดูดสูญญากาศ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ การไหลเวียนเลือด น้ำเหลืองให้ดียิ่งขึ้น
✅ ผลัดเซลล์ผิวเก่า – กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้น
✅ ลดริ้วรอยและรอยดำ – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดเลือนจุดด่างดำ
✅ กระชับรูขุมขน – ช่วยขจัดสิ่งอุดตัน ลดการเกิดสิวและรูขุมขนดูเล็กลง
✅ ปรับผิวให้เนียนนุ่ม – ฟื้นฟูความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง
✅ ช่วยให้สกินแคร์ซึมลึกขึ้น – เมื่อไม่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วขวางกั้น สกินแคร์จะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
รวมรีวิว Dual Yellow เคล็ดลับความหน้าใส
2. Q-SWITCHED LASER
เครื่องเลเซอร์ในกลุ่ม Q-Switched มีทั้งหมด 3 ชนิด แต่ละชนิดมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน โดยยิ่งมีความยาวคลื่นมากเท่าไหร่ก็จะส่ามารถส่งผลต่อเม็ดสีในชั้นผิวได้ลึกเท่านั้น เพื่อทำลายให้เม็ดสีที่ผิวแตกตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ความยาวคลื่นสั้นและกระจายส่งผลให้ผิวลอก ตกสะเก็ดหลังการ เลเซอร์รอยสิว เน้นยิงเฉพาะจุด ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของคุณหมอค่ะ
ข้อดีของ Q-SWITCHED LASER
- รักษา ฝ้า กระ และจุดด่างดำ รวมถึงลบรอยแผลเป็นได้ดี โดยใช้คลื่นแสงมาทำให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวกระจายแตกตัว
- ฟื้นฟูให้หน้าขาวกระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์
- กำจัดขนได้ในบางชนิด
- ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ให้ผิวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน
ข้อเสียของ Q-SWITCHED LASER
- ผิวลอกตกสะเก็ดหลังการทำมากกว่าเลเซอร์ประเภทอื่น ๆ
- รู้สึกถึงความร้อนและดีด ๆ ขณะทำ
- ใบหน้าจะแดงหลังการทำต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน
- ไม่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน
- ไม่สามารถทำในขณะที่เป็น สิว ได้เพราะจะทำให้บริเวณที่เป็นสิวอักเสบมากกว่าเดิม
- จำเป็นต้องทำต่อเนื่อง 2-3 ครั้งเพื่อลดรอยดำ
Q-SWITCHED LASER เหมาะกับใคร ?
การทำ Q-Switched จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวพรรณในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ค่า
- ปัญหาฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าดื้อยา
- รักษากระลึก กระแดด ได้
- ต้องการลบรอยสักสีดำ
- รักษาปานดำ ปานน้ำตาล ปานโอตะ
- รักษารอยดำสิว รอยแผลเป็นต่าง ๆ
- รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
- รักษาริมฝีปากคล้ำ ใต้ตาคล้ำ รักแร้ดำ
ความรู้สึกขณะทำ Q-SWITCHED LASER
- รู้สึกเจ็บเหมือนโดนเข็มจิ้มเบา ๆ
- ขณะยิงเลเซอร์อาจมีอาการแสบร้อนบ้าง แต่จะทุเลาลงหลังทำเสร็จประมาณ 30 นาที
- รู้สึกดีด ๆ ขณะทำและมีสะเก็ดหลังทำ โดยสะเก็ดจะหลุดไปเองภายใน 2-3 วัน
ระยะเวลาในการทำ Q-SWITCHED LASER
1 ชั่วโมงขึ้นไป
การดูเเลผิวหลังทำ Q-SWITCHED LASER
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 3 วัน หรือ 1 สัปดาห์
- ทำความสะอาดใบหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
- ทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวหน้าสูตรอ่อนโยนทุกวัน สม่ำเสมอ
3. FRACTIONAL CO2 LASER
เครื่องมีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับน้ำในชั้นผิวหนังและลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้ดีเลยค่ะ ลำแสงของ Co2 มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ขนาดจิ๋วหลายจุดเรียงกันเป็นตาราง ทำให้มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับการกระตุ้นหลุม สิว กระชับรูขุมขน แต่เป็นการ เลเซอร์รอยสิว เฉพาะจุดที่ต้องทำบ่อย ๆ จึงจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจน
ข้อดีของ FRACTIONAL CO2 LASER
- เปลี่ยนผิวใหม่ ผิวจะเนียนเรียบ ไม่ขรุขระ และกระจ่างใสขึ้น
- รอยดำ รอยแดง รวมถึงริ้วรอยจางลง
- รูขุมขนกระชับขึ้น
- กำจัดไฝ ขี้แมลงวันบนชั้นหนังกำพร้าได้
- รักษารอยแผลเป็นจากหลุม สิว ให้ตื้นขึ้นได้
- รักษาเพียง 1-2 ครั้ง แต่ผลการรักษาอยู่ได้นานกว่า 1 ปี
ข้อเสียของ FRACTIONAL CO2 LASER
- เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงช้า
- หลังเลเซอร์ผิวจะลอกตกสะเก็ด ประมาณ 5-7 วัน
- หลังเลเซอร์ผิวอาจไหม้แดงได้
- ไม่เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเพราะเสี่ยงผิวไหม้หลังเลเซอร์
FRACTIONAL CO2 LASER เหมาะกับใคร ?
การทำ Fractional Co2 จะเหมาะกับคนที่ต้องการปรับให้สภาพผิวหน้าเป็นไปตามนี้ค่า
- ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ บนผิวจางลง
- สิว ลดลง
- รอยแผลเป็นหลุมสิวตื้นขึ้น
- รอยดำและรอยแดงจากสิวจางลง
- รูขุมขนกระชับขึ้น
- รอยคล้ำใต้ตาจางลง
- ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม ผิวสุขภาพดีขึ้น
การดูเเลผิวหลังทำ FRACTIONAL CO2 LASER
- แผลห้ามถูกน้ำ 24 ชั่วโมงแรก หรือตามที่คุณหมอแนะนำ
- หลังครบ 24 ชั่วโมง ให้แกะพลาสเตอร์ติดแผลออก และล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หรือน้ำเปล่า
- เมื่อเริ่มมีสะเก็ดห้ามแกะ อาจใช้น้ำมัน หรือยาทาที่คุณหมอสั่ง แต้มบริเวณสะเก็ดเช้า – เย็น จนกว่าสะเก็ดจะหลุดไปเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- ยาอื่น ๆ ที่ใช้อยู่สามารถใช้ได้ตามปกติ แต่พยายามเว้นบริเวณที่ทำเลเซอร์ไปก่อนนะคะ
- เมื่อสะเก็ดหลุดให้เริ่มทาครีมกันแดดทุกวันในตอนเช้า และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ระหว่างนี้อาจมีรอยแดงช้ำ หรือรอยหลุมตื้น ๆ ซึ่งจะดีขึ้นเองช้า ๆ หากมีปัญหารอยดำเกิดขึ้นให้ปรึกษาคุณหมอทันที
ระยะเวลาในการทำ FRACTIONAL CO2 LASER
โดยปกติใช้เวลาประมาณ 20 ถึง 40 นาทีขึ้นไปอยู่กับบริเวณและสภาพปัญหาค่ะ
ความรู้สึกขณะทำ FRACTIONAL CO2 LASER
- ขณะทำการรักษาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่คนทั่วไปทนได้ ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชา
- หลังการยิงเลเซอร์อาจมีอาการบวมแดงประมาณ 2-4 วัน
4. E-MATRIX LASER
เครื่อง เลเซอร์รอยสิว พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) เพื่อให้เกิดแผลบริเวณใบหน้า กระจายความร้อนลงลึกได้ทั่วถึงบริเวณที่ต้องการรักษาอย่างแม่นยำ เน้นเลเซอร์เพื่อกระตุ้นหลุม สิว ให้ตื้นขึ้น มีความปลอดภัยกับทุกสภาพผิวอีกทั้งยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังทำผิวจะลอก ตกสะเก็ดเยอะ
ข้อดีของ E-MATRIX LASER
- ผิวเนียนใส รูขุมขนกระชับ
- สีผิวสม่ำเสมอ จุดด่างดำ ลดลง ลดเลือนริ้วรอย
- ใบหน้ายกกระชับ มีความยืดหยุ่น
- หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
- รักษาแผลเป็นจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัดได้ดี
ข้อเสียของ E-MATRIX LASER
- ผิวลอกตกสะเก็ดค่อนข้างเยอะ เพราะต้องทำให้ผิวเกิดบาดแผลเพื่อกระตุ้นผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาแทนที่หลุมสิว
- ต้องทำมากกว่า 3-4 ครั้งต่อเนื่องหลุมผิวจึงจะดูตื้นขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหนด้วยค่ะ
- ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
E-MATRIX LASER เหมาะกับใคร ?
การทำ E-Matrix จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้า ดังนี้ค่า
- รอยแผลเป็น
- รอยแผลจากหลุม สิว
- ผิวไม่เรียบเนียน ขรุขระ
- มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
- ผิวหย่อนคล้อย อยากยกกระชับผิว
การดูเเลผิวหลังทำ E-MATRIX LASER
- หลังการรักษาด้วย เลเซอร์รอยสิว E-Matrix อาจจะมีบวมแดง บริเวณที่ทำได้และหายไปเอง ประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- งดล้างหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ลักษณะแผลจะตกสะเก็ดเล็ก ๆ เป็นตาราง สะเก็ดจะอยู่ประมาณ 7-10 วัน
- ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นหรือขี้ผึ้งฆ่าเชื้อบ่อย ๆ วันละ 3-4 ครั้ง จนกระทั่งสะเก็ดหลุดหมด
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางหรือครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA จนกว่าสะเก็ดจะหลุดออกไปจนหมดค่า
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
ระยะเวลาในการทำ E-MATRIX LASER
20 ถึง 30 นาที ต่อคน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาด้วยค่ะ
ความรู้สึกขณะทำ E-MATRIX LASER
- คนไข้อาจรู้สึกเหมือนผิวโดนดีดเบา ๆ และมีความรู้สึกอุ่น ๆ เจ็บบ้างในบางจุด
- หลังทำจะเกิดรอยแดง และรู้สึกร้อนผ่าวได้ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 ชั่วโมง
- 1-2 วันหลังทำ อาจเกิดสะเก็ดบาง ๆ แล้วลอกออก ตรงนี้สามารถแต่งหน้ากลบได้นะคะ
5. IPL หรือ INTENSE PULSE LIGHT
หลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า IPL คือ เลเซอร์รอยสิว แต่ที่จริง IPL เป็นลำแสงเข้มข้นสูงคลื่นกว้างขนาด 500-1,200 นาโนเมตร ที่มีคุณสมบัติในการทำงานแตกต่างจากเลเซอร์นะคะ สามารถลดปริมาณเม็ดสีผิวเมลานินและกำจัดขนได้ ฆ่าเชื้อ สิว ได้อยู่บ้าง ถือว่าเป็นการรักษาที่ความอ่อนโยนสูงเลยค่ะ เพราะลงไม่ลึกถึงชั้นผิวในสุด ทำให้ผลลัพธ์หลังการทำไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนนัก แต่เป็นที่นิยมใช้เนื่องจากราคาไม่สูง สามารถทำได้หลายครั้ง สำหรับ IPL นี้มีเครื่องขนาดพกพาที่สามารถทำได้เองที่บ้านอีกด้วยนะ
ข้อดีของ IPL
- สะดวกสบาย ทำเมื่อไหร่ก็ได้
- สามารถกำจัดเส้นขนได้
- ไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก
- ฟื้นฟูสภาพผิว กระชับรูขุมขน
- ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระต่าง ๆ
ข้อเสียของ IPL
- ต้องทำการรักษาบ่อยครั้ง จำนวนความถี่ในการทำคือ ทุก 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6-7 ครั้งจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในเรื่องเม็ดสีผิวที่กระจ่างใสขึ้น
- คลื่นลำแสงพลังงานค่อนข้างต่ำจึงไม่เห็นผลมากสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหนักนะคะ
- ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีผิวคล้ำ เสี่ยงผิวไหม้และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- เจ็บ ดีดผิว จึงทำให้ผิวแดงระคายเคืองง่ายหลังทำ
- ไม่ได้ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใส
IPL เหมาะกับใคร ?
การทำ IPL จะเหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขผิวพรรณในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ค่า
- กระตื้น รอยดำ รอยแดงจาก สิว
- จุดด่างดำ เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ
- ริ้วรอย ร่องลึก รูขุมขุนกว้าง
- สีผิวไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
การดูเเลผิวหลังทำ IPL
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนทำความสะอาดผิวบริเวณที่ระคายเคืองเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าปกปิดผิวหนังให้มิดชิดเมื่อต้องออกไปข้างนอก
- ทายาชาเฉพาะที่หากรู้สึกปวดบริเวณที่ได้รับการรักษา
- เลี่ยงการประคบร้อนหรือการอาบน้ำอุ่นจนกว่าบริเวณที่ทำการเลเซอร์จะฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ
ระยะเวลาในการทำ IPL
1 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและบริเวณที่รักษา
ความรู้สึกขณะทำ IPL
- รู้สึกอุ่น ๆ และเจ็บแสบบ้าง เพราะช่วงคลื่นเหมือนลักษณะของแฟลชถ่ายรูป จึงมีช่วงที่ดีด ๆ ค่ะ
- มีรอยแดงหลังทำเกิดขึ้นได้ แต่ไม่เกิดการตกสะเก็ดหรือทิ้งรอยแดงช้ำไว้นาน
คลายข้อสงสัยเรื่องการทำ เลเซอร์รอยสิว แต่ละรูปแบบได้แล้วนะคะ สรุปอีกทีว่า เลเซอร์รอยสิวกี่วันหาย เหมาะกับใคร เจ็บมากไหม นี่มันแล้วแต่รูปแบบและปัญหาของแต่ละบุคคลค่ะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกทำการรักษาปัญหาผิวหน้าได้ง่ายขึ้น และถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ หรือต้องการสอบถามอะไรเพิ่มเติม สามารถทักมาปรึกษาที่กับทีมแอดมินของโซวอนคลินิกได้ตลอด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่า
ดูเกร็ดความรู้อื่น เพิ่มเติม คลิกเล๊ย!