เสริมจมูก ต้องทำอย่างไร? 5 ขั้นตอนที่ต้องรู้ก่อนและหลังเสริมจมูก
เสริมจมูก ต้องทำอย่างไร เสริมจมูกเป็นศัลยกรรมอันดับแรก ๆ ที่หลายคนตัดสินใจทำ เพราะจมูกจะเป็นศูนย์กลางของใบหน้า ที่ใครหลายคนเสริมจมูกไปแล้วหน้าเปลี่ยน สวยขึ้นผิดหูผิดตา ทำให้ใบหน้าโดยรวมมีมิติยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำจมูก เราควรต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมจมูกกันก่อน รวมถึงการเตรียมตัวทั้งก่อนทำ และการดูแลตัวเองหลังทำที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ขอบอกเลยว่าลิงก์นี้ลิงก์เดียวเอาอยู่ รวมหมดจบครบที่เดียวเกี่ยวกับการเสริมจมูก ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเรื่องเสริมจมูกกันก่อนนะคะ
- เสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด แบบไหนดีกว่ากัน?
- จมูกแบบไหนที่เรียกว่าบาน จนต้องตัดปีกจมูก
- ขั้นตอนที่ 1 เลือกคลินิกเสริมจมูก ให้ดีให้ปัง ถ้าไม่อยากพังต้องอ่าน!!
- ขั้นตอนที่ 2 เลือกทรงจมูกที่ใช้ ในแบบของคุณ
- ขั้นตอนที่ 3 เตรียมตัวก่อนเสริมจมูก เตรียมให้พร้อมก่อนทำสวย
- ขั้นตอนที่ 4 ดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก เรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม
- ขั้นตอนที่ 5 จมูกมีปัญหา ต้องรีบแก้ก่อนสายเกินไป
- รวมความเปลี่ยนแปลงหลังเสริมจมูก
เสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด แบบไหนดีกว่ากัน?
การเสริมจมูกจะมีด้วยกัน 2 แบบใหญ่ ๆ คือ เทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY) และเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY)
- เทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY)
การเสริมรูปแบบนี้ เป็นการเสริมจมูกในรูปแบบที่มีแผลจากรอยกรีด แพทย์ทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก รอบจมูก ๆ และบริเวณที่จะทำการผ่าตัด หรือรอยผ่าตัดในรูจมูก ซึ่งจะเป็นแผลเพียงด้านเดียว หรือสองด้านนั้นก็ได้ แล้วแต่หมอที่ได้ทำการศัลยกรรมแล้วแต่ความถนัดของแพทย์ หมอจะฉีดยาชาผิวหนังบริเวณที่จะทำการเสริมจมูก จากนั้นค่อย ๆ ทำการเลาะไปในโพรงจมูก แล้ววางซิลิโคนลงไป จากนั้นคุณหมอจะเย็บปิดแผลด้านในโพรงจมูก การเสริมจมูกรูปแบบนี้จะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับรูปร่าง หรือโครงสร้างของโพรงจมูกสักเท่าไหร่เลยมากนัก หลังจากห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่จะทำการบล็อกเฝือกอ่อน เพื่อป้องกันการเคลื่อนของจมูก ป้องกันการเบี้ยวเอียงของสัน การผ่าตัดแบบ Closed เหมาะสำหรับคนที่มีรูปทรงจมูกที่ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง ไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- ไม่มีแผลเป็นด้านนอก การฟื้นตัวก็จะเร็วกว่าการผ่าตัดแบบ open
- แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดที่ทำการผ่าตัด โดยไม่ต้องวางยาสลบ
- เมื่อเกิดปัญหาแพทย์สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าการผ่าตัดแบบ open
- ผลการผ่าตัดออกมาสวย
ข้อเสีย
- มีโอกาสซิลิโคนทะลุ หากเสริมซิลิโคนที่โด่งเกินไป
- หากรูปทรงจมูกเป็นทรงชมพู่ไม่สามารถแก้ไขได้
- เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY)
การผ่าตัดแบบเปิดจมูกด้านหน้า เปิดแผลจากด้านหน้าทำให้มีแผลเป็น กรณีเสริมจมูกแบบ open เป็นการผ่าตัด คนไข้จะต้องงดน้ำ งดอาหารมาอย่างน้อย 1 วันเพื่อตรวจเลือด และ X-ray ดูความพร้อมของปอดคนไข้ เพื่อดูความพร้อมของปอดในการวางยาสลบ คุณหมอจะใช้ยาสลบก่อนการผ่าตัดและหลังผ่าตัดจะต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 คืน
ข้อดี
- คุณหมอจะเห็นโครงสร้างจมูกของคนไข้ได้อย่างชัดเจน และตรงจุดมากกว่าการการผ่าตัดแบบปิด และสามารถแก้ไขได้ตรงจุด
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าการผ่าตัดแบบปิด
- ใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าแบบปิด และเสียเลือดมากกว่า
- ความเสี่ยงมีค่อนข้างมาก ความผิดพลาดค่อนข้างเยอะกว่า
- หากมีปัญหาหลังทำ วิธีการแก้ไขจะยากกว่า
- มีแผลเป็นบริเวณด้านนอกจมูก
- การฟื้นตัวใช้เวลานานกว่า
- มีโอกาสซิลิโคนทะลุ หากเสริมซิลิโคนที่โด่งเกินไป
จมูกแบบไหนที่เรียกว่าบาน จนต้องตัดปีกจมูก
นอกจากการเสริมจมูกแล้วยังมีการตัดปีกจมูก เพื่อเป็นการเก็บเนื้อจมูกที่บานให้เรียวเล็กเข้ากับรูปหน้ายิ่งขึ้น หลายคนก็กำลังลังเลว่าหน้าแบบเราควรตัดปีกจมูกหรือไม่ เรามีวิธีการเช็กง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ
สาวไทยส่วนใหญ่มักจะมีปัญหารูปทรงจมูกที่บานออกข้าง ถ้าอยากเปลี่ยนทรงจมูกให้แคบเรียวขึ้น ลดรูจมูกที่กว้างใหญ่ กรณีมีดั้งโด่งอยู่แล้วก็ใช้วิธี ตัดปีกจมูก ออกอย่างเดียวได้เลย แต่ถ้าไม่มีดั้งก็ใช้วิธี เสริมจมูก พร้อม ตัดปีกจมูก ไปด้วยกันได้ แต่เราจะมีวิธีดูยังไงกันล่ะ ว่าจมูกแบบไหนที่เรียกว่า “จมูกบาน” แล้วสงสัยกันมั้ยว่าปีกจมูกต้องบานขนาดไหนถึงควร ตัดปีกจมูก
แนะนำให้สังเกตง่าย ๆ โดยการดูว่าปีกจมูกเลยหัวตาของคุณออกไปหรือไม่ ถ้าเลยออกไปนิดเดียวไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา ไม่ทำก็ไม่เดือดร้อนใจอะไร ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น แต่ถ้ารู้สึกว่าปีกจมูกดูบานหรือปีกจมูกเลยหัวตาออกไปเยอะ นั่นแปลว่าจมูกของคุณบานและไม่สมส่วนกับใบหน้า ซึ่งทางแก้ก็คือมาปรึกษาแพทย์เพื่อผ่าตัดลดขนาดปีกจมูกลงได้
1. ตรวจสอบคุณหมอที่จะทำการผ่าตัดให้เรา
ผ่าตัดโดยแพทย์จริง ๆ หรือเป็นแพทย์ที่ชำนาญหรือไม่ เราสามารถตรวจสอบชื่อเเพทย์ที่เราจะเสริมจมูกด้วยได้จากรายชื่อเว็บเเพทยสภา ได้ตามลิงก์ด้านหน้านี้เลยค่ะ เเละอย่าคิดกับทำหมอกระเป๋าเด็ดขาด อย่าคิดเเค่ว่าราคาถูกทำแล้วจะต้องออกมาดีแน่ ๆ ขอบอกเลยว่าโอกาสจมูกของคุณจะพังก็มีสูงเช่นกันนะคะ
ตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากแพทยสภา : https://www.tmc.or.th/check_md/
2. คลินิกได้รับใบอนุญาต สะอาดปลอดภัย
ความสะอาดคลินิกนั้น เราต้องดูตั้งแต่พื้นไปจนถึงผนังห้อง สภาพภายในของคลินิกต้องดูสะอาด บรรยากาศดูดีน่าเข้าใช้บริการ เพราะถ้าตั้งเเต่พื้นสกปรก เราก็ไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์จะสะอาดจริงหรือไม่ เเละที่สำคัญคลินิกจะต้องได้มาตรฐาน ซึ่งเราสามารถดูจากเลขที่ใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลจากระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการยืนยันมาตรฐานของคลินิก ถ้าไม่ผ่านการรับรอง ให้ชั่งใจไว้ก่อนเลยว่า คลินิกไม่น่าจะสะอาดเเละไม่น่าเข้าใช้บริการ สำหรับห้องที่ใช้สำหรับผ่าตัดและอุปกรณ์นั้นจะต้องได้มาตรฐานสากล ปลอดเชื้อ ส่วนทีมเเพทย์ ต้องมีประสบการณ์มากเพียงพอในการผ่าตัดเสริมจมูกอีกด้วยค่ะ
3. คุณหมอต้องให้คำปรึกษาอย่างตรงจุด
คุณหมอจะต้องสามารถอธิบายเเละให้คำปรึกษาลูกค้าได้อย่างตรงไปตรงมาได้ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ อย่างหมอบางคนเก่ง มีฝีมือ เเต่พูดสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจไม่ได้ หรือไม่มีความเข้าใจที่ตรงกับคนไข้ก็จบ เพราะเราอาจจะไม่ได้ทรงจมูกอย่างที่เราต้องการก็เป็นได้
4. ซิลิโคนที่ใช้เกรดดี มีคุณภาพ
อะไรที่เข้าไปในร่างกายจะต้องดีเเละปลอดภัย ฉะนั้นซิลิโคนที่จะเข้าไปในจมูกจะต้องสะอาด ปลอดเชื้อ ส่วนเกรดของซิลิโคนก็มีอยู่ด้วยกันหลายเกรด ส่วนนี้เราต้องหาข้อมูลและลองไปศึกษาดูว่าคลินิกที่เราจะไปเสริมจมูกนั้นใช้ซิลิโคนอะไร จากประเทศอะไร ที่สำคัญควรเป็นซิลิโคนที่นิ่มบิดได้ เพราะจะทำให้จมูกดูธรรมชาติ ไม่โป๊ะเเละไม่ดูหลอกตาจนเกินไป
5. รีวิวที่เชื่อถือได้เเละราคาที่เหมาะสม
อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกคลินิกได้ดีก็คือรีวิว เราดูรีวิวได้ แต่ก็ต้องเลือกดูให้ดี เพราะว่าบางทีรีวิวหลอกก็มีเยอะมาก บางคลินิกอาจจะเเต่งรูปหลังเสริมจมูกออกมาแบบเกินความจริง ทำให้คนเข้าใจผิดได้ ทางที่ดีที่สุดคือให้ลองถามจากคนที่เข้ามาใช้บริการคลินิกนั้นจริง ๆ จะดีที่สุด ส่วนราคาต้องบอกว่าบางคนงบน้อย บางคนงบเยอะ สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล แต่ก็ต้องคำนึกไว้เสมอว่าราคาเเพงไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป แต่ถ้าราคาถูกก็ต้องดูกันว่าคุณภาพจะดีเกินกว่าราคาหรือไม่
6. มีรับประกันหลังทำ
ข้อสุดท้ายที่เราจะต้องดูกันให้ดี ๆ เลย ก็คือการรับประกัน ถ้าคลินิกไหนมีการรับประกัน 6 เดือน – 1 ปีขึ้นไป มั่นใจได้ระดับนึกเลยว่าคลินิกจะไม่ทอดทิ้งคนไข้ ก่อนทำดูเเลดีอย่างไร หลังทำก็ต้องดูเเลดียิ่งกว่าเดิม เพราะฉะนั้นคลินิกที่มีการรับประกันหลังทำแสดงถึงความรับผิดชอบของคลินิกต่อคนไข้ เเละอาจจะเป็นอีกข้อที่ทำให้คนไข้เลือกที่จะไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกที่นี่ก็เป็นได้
สุดท้ายสาว ๆ หนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังจะเสริมจมูก ก็ลองเอาทั้ง 6 ข้อไปเช็กกันดูว่าคลินิกที่คุณกำลังเลือกหรือตัดสินใจไปเสริมจมูกนั้น ดีพอและเหมาะสมกับคุณจริง ๆ เเล้วหรือยัง ?
ขั้นตอนที่ 2 เลือกทรงจมูกที่ใช้ ในแบบของคุณ
จมูกทรงไหน เหมาะกับคนไทยมากที่สุด ?
การที่มีจมูกรับพอดีกับใบหน้าจะทำให้ใบหน้าสวยคมดูมีมิติ เพราะจมูกเป็นอวัยวะที่อยู่กึ่งกลางใบหน้า ซึ่งเป็นจุดรวม จึงเป็นจุดที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งในปัจจุบันการศัลยกรรมจมูกนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติของสาว ๆ ไปแล้ว แต่ในบางครั้งการเลือกทรงจมูกที่ไม่เข้ากับรูปหน้า ก็เรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ดังนั้นหากสาว ๆ ตัดสินใจที่จะทำจมูกแล้วก่อนทำก็ต้องศึกษาข้อมูล และรูปทรงจมูกให้ละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด วันนี้จึงมีทรงจมูกมาแนะนำเป็นทางเลือกสำหรับสาว ๆ กันค่ะ
สรุปแล้ว ก็อยู่ที่ความชอบและความเหมาะสมในฐานทรงจมูกเดิมของเราค่ะ และต้องไม่ลืมว่า ไม่ควรของคุณหมอใส่ซิลิโคนฝืนเนื้อของตัวเองมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ปลายจมูกบาง และทำให้จมูกทะลุได้ในที่สุด แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับเรื่องที่กล่าวมาแล้วล่ะก็ อยากแนะนำสาว ๆ ที่สนใจเสริมจมูก ให้แวะมาที่ Sowon Clinic ค่ะ เพราะที่ Sowon Clinic มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการเสริมจมูก เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลอย่างจริงจัง แนะนำอย่างเป็นกันเองเพื่อผลลัพธ์ที่คุณพึงพอใจที่สุดค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 เตรียมตัวก่อนเสริมจมูก เตรียมให้พร้อมก่อนทำสวย
ปัจจุบันศัลยกรรมยอดฮิตที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะทำอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นการเสริมจมูก แต่ก่อนจะทำการผ่าตัดแต่ละครั้ง เราควรเช็กให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจทำนะคะ ถ้าไม่อยากจมูกพังต้องเสียตังค์แก้ซ้ำสองแล้วล่ะก็ เรามาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเสริมจมูกกันดีกว่าค่ะ
1.สระผมให้สะอาดก่อนมาผ่าตัดเสริมจมูก เนื่องจากเมื่อเสริมจมูกไปแล้วจะต้องระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ
2.ก่อนเสริมจมูก ควรงดรับประทานอาหารเสริมทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
3.ก่อนผ่าตัดงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
4.งดรับประทานยากลุ่มแอสไพรินอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
5.แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวอย่างละเอียดก่อนเข้าห้องผ่าตัดเสริมจมูก
6.พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ก่อนผ่าตัด
นอกจากนี้ก่อนมาเสริมจมูกควรจะรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ไม่เกิดภาวะความดันต่ำจากการพักผ่อนน้อย และไม่ควรงดแต่งหน้า หรือหากมีความจำเป็นให้แต่งหน้าเบา ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดก่อนผ่าตัด ถ้าเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วอย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สถานที่ ก่อนตัดสินใจทำจมูก ต้องไม่ลืมค้นหาข้อมูลคลินิก คุณหมอ และรีวิวจากผู้ใช้จริง ถ้าไม่อยากพลาดก่อนสวยต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนนะคะ
ขั้นตอนที่ 4 ดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก เรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ทำอย่างไร? เป็นปัญหาหนักใจของใครหลาย ๆ คน คุณหมอเสริมจมูกออกมาสวยมาก แต่กลับบ้านแล้วอาการบวมช้ำมาเต็ม จะไปโทษหมออย่างเดียวก็คงไม่ได้ สำหรับใครที่เพิ่ง ทำจมูก มา วันนี้ Sowon Clinic มีคำเเนะนำดี ๆ มาฝากกันค่ะ
- หลังเสริมจมูก 1-3 วันแรกให้ประคบเย็นด้วยคูลแพ็ค และวันที่ 3 เป็นต้นไปให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น โดยจุดประคบเย็น มีทั้งหมด 4 จุด ดังนี้
- สันจมูกด้านซ้ายและขวา
- สันจมูกตรงกลางด้านบน
- ระหว่างคิ้ว
- ควรนอนโดยใช้หมอนรองคอช่วย และงดการนอนตะแคง 1 เดือน
- งดรับประทานอาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีรสเผ็ดจัด จะทำให้แผลหายช้า
- ห้ามแคะ แกะ เกา บริเวณจมูก และระมัดระวังอย่าให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง
- ควรระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ หากรู้สึกคันบริเวณจมูกให้ใช้คอตตอนบัดหรือสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดอย่างเบามือ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 1 เดือน
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาลดบวม ยาแก้ปวด
- หลังผ่าตัดเสริมจมูกเมื่อครบ 14 วันควรมาตัดไหมตามนัดหมอ
หลังการผ่าตัดเสริมจมูกนั้น สาว ๆ คงต้องเจอกับข้อจำกัดในการดูแลตัวเองบางอย่าง แต่เชื่อว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ วันนี้จึงมีอีกข้อแนะนำที่จะมาแชร์ให้กับสาว ๆ ที่เสริมจมูกไปแล้ว ได้ดูแลตัวเองกัน ในเรื่องการรับประทานอาหาร เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อแผลหลังผ่าตัดของเราค่ะ
และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในเรื่องการเลือกรับประทานอาหาร ในช่วงหลังผ่าตัด คือพฤติกรรมการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยควรจะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถเสริมสร้างเนื้อเยื่อมารักษาบาดแผลได้อย่างเต็มที่ด้วยนะคะ งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่า ว่าอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการผ่าตัดเสริมจมูกมีอะไรบ้าง
นอกจากการกินแล้ว เราควรเตรียมอุปกรณ์อะไรไว้ใช้สำหรับดูแลตัวเองเพิ่มเติม แถมยังเป็นตัวช่วยให้แผลหลังผ่าตัดหายไวขึ้นอีกด้วยนะ งั้นมาดูกันเลยว่า 5 ไอเทมที่ต้องมี หลังเสริมจมูก มีอะไรบ้างค่ะ
การประคบเย็นและอุ่น ถือเป็นการดูแลตัวเองที่สำคัญหลังเสริมจมูกไป แต่หลายคนก็ยังมีคำถามว่า ประคบจุดไหนบ้าง? ประคบนานแค่ไหน? เมื่อไหร่ประคบเย็นและเมื่อไหร่ประคบร้อน วันนี้เรามีเคล็ดลับจากแอดมินคนสวยใจดี มาสอนสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่พึ่งเสริมจมูกไปค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 จมูกมีปัญหา ต้องรีบแก้ก่อนสายเกินไป
หลังเสริมจมูกไปแล้วหากมีอาการผิดปกติ ต้องรีบแจ้งคลินิกที่เสริมไปด่วนค่ะ ก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ที่มักจะพบเจอหลังเสริมจมูกไปแล้วก็คือ ผู้ที่เสริมจมูกโด่งหรือฝืนเนื้อไปจะทำให้จมูกเสี่ยงทะลุได้ วันนี้เรามาเช็คอาการก่อน ซิลิโคนจมูกทะลุกันก่อนดีกว่าค่ะ
- ผิวจมูกที่ปลายบาง บางเคสบางจนเห็นรูปทรงซิลิโคน
จมูกสะท้อนแสง มันวาวมากกว่าปกติ หรือมีสีขาว ๆ ใส ๆ สังเกตง่าย ๆ ที่บริเวณปลายจมูก หากมีอาการนี้แสดงว่าเนื้อที่ปลายจมูกเริ่มบางมาก ๆ แล้ว จึงทำให้มองเห็นผิวของซิลิโคนที่อยู่ใต้ผิวหนังสะท้อนออกมา - เนื้อที่ปลายจมูกแดงมากขึ้น บางเคสต้องใช้เครื่องสำอางปกปิด
เนื่องจากจมูกบางลง จึงทำให้สีผิวจมูกบริเวณนั้นเกิดความแตกต่างจากผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น อาจมีสีขาวซีด แดง หรือดำคล้ำ สังเกตได้จากเวลาแต่งหน้าอาจต้องลงเมคอัพบริเวณนี้มากกว่าส่วนอื่น ๆ เพื่อปกปิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน - เป็นสิวที่ปลายจมูกทานยาแล้วไม่ดีขึ้น
เป็นสิวหัวช้าง กินยา ทายา แล้วไม่หาย อาจเกิดการอักเสบลุกลามทำให้เนื้อเยื่อที่หุ้มซิลิโคนเสริมจมูกเกิดอาการอักเสบ และติดเชื้อได้ ซึ่งการอักเสบนี้จะส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณจมูกบางลง เป็นสาเหตุทำให้ซิลิโคนทะลุได้
รวมความเปลี่ยนแปลงหลังเสริมจมูก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : http://bit.ly/30otQTa
Inbox : http://bit.ly/2VnFCJS
Line Official : http://bit.ly/2w2xNPu (@sowonclinic)
Youtube : http://bit.ly/2HlHsae
Instagram : http://bit.ly/2LJoQ8v
Hotline : 097-207-3296 , 097-180-7020 ,
02-086-3558 , 02-082-3559