ฟิลเลอร์ปาก ดีจริงมั้ย รวม 12 ข้อต้องรู้ ก่อนฉีดสำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังมีแพลนคิดอยากไปเสริมความสวยให้ใบหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกก่อนค่ะว่าการฉีดฟิลเลอร์ คือการใช้สารเติมเต็มที่ได้จากธรรมชาติอย่างสารไฮยารูลอนมาฉีดในบริเวณที่อยากจะเติมเต็มให้ได้รูปทรงตามที่เราต้องการ ซึ่งในกรณีฟิลเลอร์ปากก็จะฉีดในบริเวณผิวหนังริมผฝีปาก เพื่อปรับริมฝีปากให้มีสัดส่วน ได้รูปทรงตามที่ต้องการ สวยงามเป็นธรรมชาติ มีความอวบอิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่จะเพิ่มกระจับให้ริมฝีปากด้วยก็ยังได้ ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ขาดน้ำ มองแล้วรู้สึกไม่สวยอวบอิ่ม การฉีดฟิลเลอร์ปาก ก็จะช่วยให้เรียวปากเอิบอิ่มแลดูสุขภาพดี มีความเซ็กซี่ โดดเด่น และสวยสะดุดตา น่าจุ๊บมากยิ่งขึ้นได้อย่างทันทีค่ะ และวันนี้ Sowon Clinic ก็ได้รวบรวมเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมาให้แล้ว ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
ดูรีวิวโบท็อก ฟิลเลอร์ Sowon clinic ได้ที่นี่ : ⬇⬇
https://sowongroup.com/review_skin-filler-botox_promotion
1. ปัญหาปากแบบไหนที่ควร ฉีดฟิลเลอร์ปาก ? สาวปากบาง อายุเพิ่มขึ้น
รู้มั้ยคะ การมีปากบางนอกจากจะทำให้หน้าไม่มีมิติ ไม่สวย ทาลิปยากแล้วยังมีผลการวิจัยมาว่า เมื่อเราอายุมากขึ้นริมฝีปากจะเริ่มบางลงเรื่อยๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างน้อยลง ส่งผลให้ริมฝีปากดูไม่เอิบอิ่ม ดูแห้งแตก เห็นริ้วรอยร่องอย่างชัดเจน ทำให้เสน่ห์ความน่าดึงดูดของสาวๆ ลดลงด้วย และที่สำคัญเชื่อเลยว่า ผู้หญิงเกือบทุกคนขาดการทาลิปไม่ได้ การมีปากบางจะเกิดปัญหาเวลาที่ทาลิปสติก เนื้อลิปสติกจะเกินขอบปากหรือตกร่อง สีปากจะเป็นลายๆ ทำให้การทาลิปสติกไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น ต้องเติมบ่อยขึ้น สร้างแต่ความน่าหงุดหงิดใจค่ะ ใครที่เจอปัญหาดังกล่าวต้องแก้ด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ปากค่ะ
สาวปากบาง อายุเพิ่มขึ้น
ปากไม่เป็นทรง มุมปากตก
จะปากหนาหรือบางก็ฉีดได้
รู้มั้ยคะ การมีปากบางนอกจากจะทำให้หน้าไม่มีมิติ ไม่สวย ทาลิปยากแล้วยังมีผลการวิจัยมาว่า เมื่อเราอายุมากขึ้นริมฝีปากจะเริ่มบางลงเรื่อยๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างน้อยลง ส่งผลให้ริมฝีปากดูไม่เอิบอิ่ม ดูแห้งแตก เห็นริ้วรอยร่องอย่างชัดเจน ทำให้เสน่ห์ความน่าดึงดูดของสาวๆ ลดลงด้วย และที่สำคัญเชื่อเลยว่า ผู้หญิงเกือบทุกคนขาดการทาลิปไม่ได้ การมีปากบางจะเกิดปัญหาเวลาที่ทาลิปสติก เนื้อลิปสติกจะเกินขอบปากหรือตกร่อง สีปากจะเป็นลายๆ ทำให้การทาลิปสติกไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น ต้องเติมบ่อยขึ้น สร้างแต่ความน่าหงุดหงิดใจค่ะ ใครที่เจอปัญหาดังกล่าวต้องแก้ด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ปากค่ะ
นอกจากสาวๆ ปากบางแล้ว สำหรับคนที่มีริมฝีปากหนา แต่ไม่เป็นทรง ลักษณะรูปปากไม่ได้สัดส่วน ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากเบี้ยว มุมปากตก ยิ่งสมควรต้องมาฉีด ฟิลเลอร์ปาก เลยค่ะ ซึ่งสัดส่วนริมฝีปากที่ดี คือ ริมฝีปากบนต้องกว้าง 1 ส่วน มีเนื้อปากเล็กน้อย ริมฝีปากล่างต้องเป็น 1.6 หรือ 1.8 ส่วน จึงจะเป็นรูปทรงสวยงาม เหมาะสมกับขนาดของใบหน้า มุมปากทั้งสองข้างต้องมีลักษณะตรงหรือยกขึ้นเล็กน้อย สัมพันธ์กับการยิ้ม จะทำให้ใบหน้าเป็นมิตร ไม่ดุดูไล่แขก เสริมให้หน้าดูเด็ก สดใส อิ่มฟู น่ามองมากยิ่งขึ้นค่ะ
2. ฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม ?
ฟิลเลอร์ปาก จะไม่อันตรายเลยค่ะ หากฉีดด้วยสารฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากอย. และได้รับการฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ มีประสบการณ์สูง ซึ่งสารฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ในการฉีดริมฝีปาก เป็นสารที่มาจากกรดไฮยาลูรอนิก ( Hyaluronic Acid :HA) มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ สามารถเพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนังได้ และสามารถสลายเองได้หมด 100% ระยะเวลาในการสลายนั้นแล้วแต่ละยี่ห้อ ไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้างค่ะ ซึ่งเมื่อเทียบกับการแก้ไขรูปปากโดยการศัลยกกรมผ่าตัดปากกระจับที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ต้องคอยรักษาแผล และมีความเสี่ยงที่หากทำผิดพลาดไปจะสามารถแก้ไขได้ยากมาก ทำให้ ฟิลเลอร์ปาก จึงเป็นทางเลือกที่สะดวก เจ็บน้อย เห็นผลทันทีและปลอดภัยมากกว่าค่ะ
3. สลายไหม ? อยู่ได้นานแค่ไหน ?
อย่างที่รู้กันว่าการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก นั้นเป็นการปรับรูปทรงของปากแบบชั่วคราว โดยสารที่ฉีดเข้าไปนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือน – 1 ปี ก็จะสลายหายไปตามธรรมชาติ แล้วแต่ยี่ห้อของสารฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด หากเป็นสารฟิลเลอร์พรีเมี่ยม คุณภาพดี นำเข้าจากทางยุโรป ก็จะสามารถคงสภาพอยู่ได้เป็นปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดของคนไข้ด้วยเช่นกัน เพราะหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก็จะสลายก่อนเวลาที่เหมาะสมได้ค่ะ
4. ฟิลเลอร์ปาก เจ็บมั้ย ?
ต้องบอกอย่างนี้ค่ะ เรื่องความอดทนความรู้สึกเจ็บของแต่ละคนนั้นมีไม่เท่ากัน ฉีดฟิลเลอร์ปาก บางคนบอกเจ็บ บางคนก็บอกไม่เจ็บ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะส่วนใหญ่ก่อนการฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณริมฝีปากให้ก่อนค่ะ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ โดยสาวๆ อาจจะรู้สึกเจ็บในขณะฉีดยาชาเล็กน้อย แต่ที่ Sowon Clinic จะมีการมาร์คยาชาให้ก่อนด้วย เพื่อป้องกันความเจ็บจากการฉีดยาชาอีกทีค่ะ ถือว่าป้องกัน 2 ชั้น หายกังวลไปได้เลยค่ะ
ส่วนอาการเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์นั้น หากฉีดยาชาไปแล้วส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเลยค่ะ แต่บางคนอาจจะมีความรู้สึกเจ็บอยู่ ซึ่งจะเจ็บมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่จิ้มเข็มลงบนริมฝีปาก และความหนาของริมฝีปากหากใครมีผิวริมฝีปากที่หนากว่าปกติ ก็จะเกิดอาการเจ็บได้ง่ายมากกว่าผู้ที่มีริมฝีปากบางค่ะ
5. ฉีดยังไงไม่ให้ไม่เป็นก้อน ?
สาวๆ ส่วนใหญ่มีความกังวลว่าหลังฉีด ฟิลเลอร์ปาก จะดูเป็นก้อน ไม่ธรรมชาติ ใครเห็นก็จับโป๊ะได้ ไม่เนียน ปากบวมนูนมาแต่ไกล ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน มาจากการที่แพทย์ไม่มีความชำนาญและประสบการณ์มากพอ ทำให้เลือกยี่ห้อและเลือกโมเลกุลของฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์ปากแพทย์ที่ Sowon Clinic จะเลือกใช้ฟิลเลอร์พรีเมี่ยม เพราะมีโมเลกุลที่เล็กและนุ่ม สามารถช่วยเติมเต็มและจัดแต่งทรงได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ ใช้เทคนิคการฉีดที่วิเคราะห์ตามโครงหน้าของคนไข้ เพื่อให้เข้ากับรูปหน้ามากที่สุดค่ะ และอีกหนึ่งสาเหตุที่มองข้ามไปไม่ได้คือ หลงฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเหลวค่ะ สารพวกนี้จะทำให้หลังฉีดเป็นก้อนและไม่สลายไปตามธรรมชาติ อันตรายมากๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า คลินิกความงามที่เลือกรับบริการนั้น ใช้ฟิลเลอร์แท้จริงๆ
6. ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ?
การเลือกทรงในการฉีดฟิลเลอร์ปาก ส่วนใหญ่สามารถเลือกได้เองตามความชอบของสาวๆ เลยค่ะ บางคนอยากได้หนาๆ แบบสายฝอ บางคนอยากได้จิ้มลิ้มน่ารัก แพทย์สามารถปั้นให้ได้ค่ะ แต่แพทย์ต้องประเมินจากรูปทรงริมฝีปากเดิมด้วยนะคะ ว่าเนื้อปากเยอะหรือน้อย สามารถฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มได้มากขนาดไหน แต่สำหรับใครที่ยังเล เลือกไม่ได้จะฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ลองเข้าไปอ่านบทความนี้ต่อได้เลยค่ะ
7. รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก
8. ฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเท่าไหร่ ?
ราคาสำหรับการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก นั้นจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด โดยราคาส่วนใหญ่ตามคลินิกทั่วๆ ไปจะอยู่ที่ราวๆ 13,000 บาท ไปจนถึงมากกว่า 20,000 บาทค่ะ ซึ่งสิ่งที่ต้องคิดไว้อยู่เสมอคือ ฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ฉีดปากนั้น หากยิ่งถูกมาก ก็จะยิ่งมีคุณภาพที่ต่ำลงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นอย่าเห็นแต่ของราคาถูกเพียงเพราะประหยัด แต่มันไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่อาจเกิดผลข้างเคียงอันตรายตามค่ะ แต่จะบอกว่าแพงมากก็ไม่ได้ดีเสมอไป ที่ Sowon Clinic มีโปรโมชั่นลดราคาฟิลเลอร์ เริ่มต้นเพียง CC. ละ 8,000 บาท เท่านั้นค่ะ ทีมแพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ และสอนเช็คฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีดทุกครั้ง มั่นใจได้ว่าสวยปลอดภัย หายห่วงแน่นอนค่ะ
9. เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น ไม่น่ากลัวและไม่ต้องใช้การเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษมากมายค่ะ โดยก่อนการฉีดทุกครั้ง สาวๆ จำเป็นต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อบอกรายละเอียดจำเป็นที่แพทย์จะต้องรู้ก่อนการฉีด เช่น ประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และควรงดของต่างๆ ดังนี้ค่ะ
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
- สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- หากเป็นไปได้ในวันฉีดควรล้างเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดใบหน้าก่อนพบแพทย์
10. ขั้นตอนการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก
1. เข้ารับการปรึกษา ประเมินใบหน้ากับแพทย์ผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญค่ะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าจะทำการประเมินดูลักษณะของรูปทรงปากและเนื้อริมฝีปาก นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการพูดคุยก่อนทำเพื่อให้ได้ฟิลเลอร์ปากที่ออกมาตรงใจสาวๆ มากที่สุดค่ะ รวมถึงจะมีการถ่ายภาพใบหน้าก่อนทำเอาไว้เพื่อใช้ในการเปรียบเที่ยบ วัดผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังทำค่ะ
2. ทำความสะอาด และทายาชา
หากสาวๆ มีการแต่งหน้ามาก่อน จะต้องทำการล้างเครื่องสำอางออกทั้งหมด และได้รับการเช็ดทำความสะอาดบริเวณริมฝีปากโดยน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทามาร์คยาชาเพื่อระงับความรู้สึก เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นเตรียมพร้อมในขั้นตอนต่อไปค่ะ
3. ฉีดฟิลเลอร์ปาก
เมื่อได้ทำการประเมินใบหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ จะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มเพียงไม่นาน แพทย์จะทำการนวดปั้นทรง ประเมินผลการตรวจไปพร้อมๆ กับการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ โดยที่ Sowon Clinic แพทย์จะให้คนไข้เช็คทรงในระหว่างฉีดฟิลเลอร์อยู่ตลอดว่าชอบหรือไม่ เพื่อความสบายใจและความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ค่ะ หลังทำการฉีด ฟิลเลอร์ปาก ทันที แพทย์จะแนะนำให้คนไข้นอนราบสักพัก เพื่อให้ฟิลเลอร์ค่อยๆ คงตัวภายในริมฝีปาก จากนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใดค่ะ
11. หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังจากการฉีด แนะนำว่าไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ อยู่ในสถานที่ที่ร้อนจัด หรือมีอุณหภูมิสูง เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยแดงบริเวณริมฝีปากได้ งดดื่มแอลกอฮอล์, งบสูบบุหรี่ และควรงดสัมผัส ลูบ คลำ คลึง นวด บริเวณที่ฉีด งดจูบ ดูด หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ปากอย่างรุนแรง เพราะอาจจะทำให้สารฟิลเลอร์ภายในริมฝีปากเคลื่อนตัว จนผิดรูปไปจากสัดส่วนเดิมได้
ในช่วง 4 วันแรกหลังจากการฉีด ควรดื่มน้ำในปริมาณมากๆ เพราะน้ำจะช่วยให้เติมเต็มของสารฟิลเลอร์ในริมฝีปากคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น โดยปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคในช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ วันละ 8-10 แล้ว หรือปริมาณ 2 ลิตรต่อวัน
ภายใน 2 สัปดาห์แรกหลังจากการฉีด ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อน อาหารรสจัด อาหารรสเผ็ด เพราะอาจจะส่งผลต่อสารฟิลเลอร์ที่ฉีดลงไปได้ หากจำเป็นต้องทำทรีทเมนต์บนผิวหน้า ให้หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, RF หรือ Ionto ไปก่อนราวๆ 2 สัปดาห์ จนกว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ และงดรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน ยาแก้ปวดต่างๆ และงดรับประทานวิตามินประเภท Vitamin E, ใบแปะก๊วย อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ BHA และ AHA
หลังจากผ่านพ้น 2 สัปดาห์ไปแล้ว หากไม่มีอาการผิดปกติอะไรบริเวณที่ฉีด คนไข้ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณริมฝีปากด้วยความรุนแรง เพื่อป้องกันไม่เกิดผลกระทบต่อสารฟิลเลอร์ที่อยู่ภายในบริเวณริมฝีปากมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้สารฟิลเลอร์คงสภาพอยู่ได้นานมากขึ้นค่ะ
12. เทคนิคฟิลเลอร์ปากที่ SOWON CLINIC
- แพทย์จะเป็นผู้เลือกรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปากให้ เพื่อความเหมาะสมกับลักษณะของริมฝีปากแต่ละคนมากที่สุด คนไข้ไม่ต้องกังวลในการเลือกฟิลเลอร์เอง หมดปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติค่ะ
- แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดแบบค่อยๆ เติม ไม่ฉีดครั้งเดียวทีละเยอะๆ เพื่อให้ได้รูปทรงที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้มากที่สุด และยังสามารถปรับรูปปากให้สวย สมส่วน อวบอิ่ม แต่งทรงปากได้หลากหลายมากกว่าค่ะ
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญในการกำหนดจุดลงเข็มและมีเทคนิคในการนวด ปั้นทรงเพื่อให้ได้รูปทรงริมฝีปากที่เนียนสมูทมากที่สุด
สุดท้ายแล้วสำหรับใครที่กำลังสนใจฉีด ฟิลเลอร์ปาก ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัย โดยการเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์จากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะทาง ที่สามารถประเมินโครงหน้าและลักษณะของใบหน้า ปัญหาของคุณได้ เลือกฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด รวมถึงสามารถกำหนดปริมาณการฉีดได้อย่างถูกต้องตามความเหมาะสมกับปัญหา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฉีดที่ไปรบกวนเส้นเลือด หรือเส้นประสาทอื่นๆ และยังได้รูปทรงที่สวยเป็นธรรมชาติตามต้องการด้วยค่ะ หากใครที่สนใจ ฉีดฟิลเลอร์ แนะนำในส่งรูปภาพมาให้แพทย์ประเมินปัญหาเบื้องต้น หรือสามารถทักมาปรึกษาได้ที่ Sowon Clinic ได้เลยค่ะ เรามีทีมพร้อมให้บริการฟรีอย่างใส่ใจฟรีค่ะ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ใต้ตา ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม?!
ปัญหาใต้ตาดำ คล้ำทำให้หน้าตาดูโทรม ไม่สดใสเป็นเพราะใต้ตาดำจริงไหม แล้วต้องแก้ด้วยอะไร ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยได้จริงรึเปล่า วันนี้หมอมีคำตอบให้ค่ะ
เปิดไอเดียทรงปากสวยได้รูป เลือกศัลย์ให้เข้ากับตัวเอง !
เบื่อไหม ? เมื่อสายหัตถการเข้ารับโปรแกรมฟิลเลอร์ปรับรูป…
ฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ? ฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ?
ฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ? ฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ? บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก
ศึกษาข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนาน
อยากได้ผลลัพธ์หน้าอิ่มฟูได้รับการเติมเต็มแบบห็นผลยาวนาน ต้องศึกษาเคล็ดลับการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ ในบทความนี้เลย
Radiesse คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน “ย้อนวัยผิว”?
Radiesse ฟิลเลอร์งานผิวที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสภาพและฟื้นฟูจนถึงระดับโครงสร้าง เป็นหัตถการที่ขึ้นชื่อว่า “ย้อนวัยผิว” อย่างแท้จริง
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่การฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่เพียงแค่การใช้ตัวยาแท้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับงานปั้น